นักวิชาการ เทียบ ข้อดี VS ข้อเสีย นโยบายแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็น 2 งวด
TDRI ชี้ รัฐแบ่งจ่ายเงินเดือนเป็น 2 งวด ช่วยให้ได้รับเงินเร็วขึ้น แต่ทำให้ข้าราชการจัดสรรชำระหนี้ได้ยากขึ้น ห่วงหากวางแผนการเงินไม่ดี เกิดปัญหาเก็บเงินไม่ถึงสิ้นเดือน เสี่ยงก่อหนี้เพิ่ม แนะ 4 แนวทางแก้ปัญหาตรงจุด
ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโสสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI กล่าวว่า นโยบายการแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็น 2 งวด ไม่ได้ทำให้เงินเดือนโดยรวมของข้าราชการเพิ่มขึ้น และไม่ได้ทำให้ข้าราชการมีความสามารถในการชำระเงินเพิ่มขึ้น ประโยชน์มีเพียงทำให้ได้รับเงินเดือน เพื่อไปชำระหนี้เร็วขึ้นจากเดิมเท่านั้น
“ประโยชน์จึงอยู่ที่จังหวะ หรือ timing ที่ได้รับเงินเร็วขึ้น 15 วัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ถ้าข้าราชการไปก่อหนี้ในรอบที่ต้องจ่ายรายวัน รายสัปดาห์ หรือราย 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นหนี้นอกระบบที่มักจะดอกเบี้ยสูง ซึ่งก็ไม่แน่ชัดว่า มีข้าราชการเข้าข่ายมากน้อยแค่ไหน” ดร.นณริฎ กล่าว
ส่วน ผลเสีย คือ ถ้าหนี้ต้องจ่ายทุกสิ้นเดือน แปลว่าข้าราชการต้องเก็บเงินเดือนที่ได้ก่อน 15 วันให้ถึงวันชำระหนี้ ซึ่งในความเป็นจริงอาจไม่สามารถเก็บได้ด้วยเหตุผลความจำเป็นอื่นๆ หากวางแผนทางการเงินไม่ได้ อาจเกิดปัญหาหนี้เพิ่มขึ้นได้
“ถ้าลูกหนี้ไม่มีวินัยทางการเงิน จะไปไม่ถึงจ่ายหนี้สิ้นเดือน สุดท้ายเกิดปัญหาหนี้เพิ่มตามมา” ดร.นณริฎ กล่าว
นอกจากนี้ TDRI ได้เสนอแนะทางออกที่ตรงจุด ดังนี้
1. พิจารณาอัตราที่หักเงินหน้าซองเงินเดือนที่เหมาะสม
2. กรณีถูกบังคับใช้หนี้ ต้องกำหนดเงินขั้นต่ำที่เหมาะสมก่อนหักไปใช้หนี้
3. เร่งแก้หนี้แบบไม่เหมาเข่ง เน้นพิจารณาหนี้แยกตามประเภทหนี้ ขนาด ช่วงเวลาที่มีปัญหา (โควิด/หนี้ทั่วไป) และสถานการณ์ของลูกหนี้แต่ละราย
4. เร่งปลูกฝังให้ข้อมูล บทเรียนของการเป็นหนี้ ให้เกิดการเรียนรู้เพื่อระมัดระวังการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น
ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ยืนยันว่า นโยบายแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2 งวด จากเดิมจ่ายเดือนล 1 งวด ไม่เป็นการบังคับ แต่เป็นการนำเสนอทางเลือกใหม่ตามความสมัครใจ เพื่อหวังเสริมสภาพคล่อง และแบ่งเบาภาระข้าราชการชั้นผู้น้อยให้ผู้ที่มีหนี้สินได้ชำระหนี้เร็วขึ้น และยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้มีปัญหาเรื่องกระแสเงินสดแต่อย่างใด จึงเชื่อว่า การแบ่งจ่าย 2 งวด จะไม่กระทบต่อการชำระหนี้กรมบัญชีกลาง รวมถึงการชำระหนี้ของลูกหนี้ เราะเชื่อว่า ภาครัฐสามารถพูดคุยกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ได้ โดยนโยบายดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป