ธุรกิจก่อสร้าง ทุนต่ำกว่า 1 ล้านบาท แห่ปิดกิจการสุงสุด
พาณิชย์ เผย ยอดยกเลิกกิจการ เดือนส.ค. 66 พุ่งกว่า 2 พันราย "ธุรกิจก่อสร้าง-อสังหาฯ-ร้านอาหาร" ยกเลิกกิจการมากที่สุด
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึง ยอดจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เดือนสิงหาคม 2566 ว่า ธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 2,007 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 7,038.02 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
สำหรับ ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 172 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 85 ราย คิดเป็น 4% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 49 ราย คิดเป็น 2%
ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 1,416 ราย คิดเป็น 70.55% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 504 ราย คิดเป็น 25.11% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 78 ราย คิดเป็น 3.89% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 9 ราย คิดเป็น 0.45%
ส่วน ยอดการจดทะเบียนธุรกิจธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศ มีจำนวน 7,424 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 24,905.75 ล้านบาท
โดย ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 584 ราย คิดเป็น 8% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 482 ราย คิดเป็น 6% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 360 ราย คิดเป็น 5%
ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 4,789 ราย คิดเป็น 64.51% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 2,508 ราย คิดเป็น 33.78% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 107 ราย คิดเป็น 1.44% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 20 ราย คิดเป็น 0.27%
ขณะที่ การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 58 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 23 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 35 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 6,840 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2566 จำนวนธุรกิจที่คนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น 14% เพิ่มขึ้น 7 ราย ในขณะที่เงินลงทุนลดลง 32% ลดลง 3,183 ล้านบาท
ขณะที่ นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 15 ราย เงินลงทุน 2,088 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 11 ราย เงินลงทุน 1,070 ล้านบาท และ ฮ่องกง จำนวน 6 ราย เงินลงทุน 2,026 ล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งแต่ มกราคม - สิงหาคม 2566 คนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน 435 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 65,790 ล้านบาท