posttoday

พรูเด็นเชียลไทยกางกลยุทธ์ESGยึด3เสาหลัก-แจกกรมธรรม์กลุ่มเปราะบาง

15 พฤศจิกายน 2566

พรูเด็นเชียลไทยกางกลยุทธ์ ESG ยึด 3 เสาหลัก เผยลงทุนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำดึง WAC ลงกว่า 25% ล่าสุดส่งแคมเปญลดเหลื่อมล้ำทุก 1 กรมธรรม์ใหม่ส่งต่อ 1 ให้ลูกจ้างกทม.และเจ้าหน้าที่ร.พ.รัฐบาล โดยตั้งเป้ากวาดลูกค้าแตะ 2 ล้านรายสิ้นปีนี้

นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เปิดเผยว่าบริษัทได้เปิดตัวแคมเปญ “การให้ที่ยั่งยืน คือ การให้ที่ส่งต่อได้” ที่กำหนดให้ทุก ๆ 1 กรมธรรม์ใหม่ จะส่งต่อการให้อีก 1 ความคุ้มครองแก่ลูกจ้างกรุงเทพมหานครตลอดจนเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลรัฐมากกว่า 70,000 กรมธรรม์ ทุนประกันรวมกว่า 7,000,000,000 บาท บาทภายในสิ้นปีนี้ ด้วยมองว่ากลุ่มลูกจ้างเหล่านี้คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการให้คุณภาพชีวิตของทุกคน แต่อาจจะไม่สามารถเข้าถึงประกันได้ ซึ่งด้วยประกันอุบัติเหตุที่มอบให้นี้ จะช่วยทำให้คนกลุ่มนี้มีความอุ่นใจและได้รับความคุ้มครองกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้

ทั้งนี้เพื่อน้นย้ำการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบทั้งต่อ ลูกค้า พนักงาน ชุมชน และสังคม ซึ่งสิ่งนี้คือหัวใจสำคัญของการวางกลยุทธ์และดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน ดังนั้น บริษัทฯ จึงวางกรอบการดำเนินงาน ESG (Environment, Social และ Governance) สู่การปฏิบัติจริงในทุกส่วนธุรกิจ ด้วยแนวคิด “Igniting Business with ESG : จุดประกายธุรกิจอย่างสร้างสรรค์ ด้วยกลยุทธ์ ESG” มุ่งสร้างผลลัพธ์เชิงบวกในสังคมไทยผ่านโครงการต่าง ๆ ที่สนับสนุนด้านการศึกษา สุขภาพ หรือ สิ่งแวดล้อม 

ด้วยมองว่า ขณะนี้หลายองค์กรต่างตื่นตัวกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม (environment), สังคม (social) และธรรมาภิบาล (governance)  ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ ที่สอดรับกับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของโลก อย่างเช่น การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Ageing Society) ความเสี่ยงและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) รวมถึงประเด็นความไม่เสมอภาค และความเหลื่อมล้ำในสังคม (Social Division) 

"องค์กรที่เข้มแข็งจะต้องช่วยเหลือสังคมให้ดีขึ้น ด้วยการนำความรู้และความเชี่ยวชาญของเราไปช่วยเหลือสังคมให้ดีขึ้น" 

ทั้งนี้พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ได้กำหนดกรอบการดำเนินงาน ESG ครอบคลุม 3 เสาหลัก คือ 1.สร้างการเข้าถึงทางด้านความมั่นคงทางสุขภาพและการเงินอย่างเท่าเทียม 2.การลงทุนอย่างรับผิดชอบ และ 3.การสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน

โดย พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ได้นำกรอบการดำเนินงานนี้ มาร่วมกำหนดกลยุทธ์และผนวกไว้ในทุกส่วนธุรกิจเพื่อให้เกิดการปฏิบัติจริง ตามเจตนารมณ์ขององค์กร “ชีวิตมีกัน ... ทุกวันดีกว่า” (Prudential For Every Life For Every Future) ใน 3 มิติ ประกอบไปด้วย

1. การสร้างการเข้าถึงความคุ้มครองด้านสุขภาพและการเงินอย่างเท่าเทียม ผ่านการส่งมอบความร่วมมือและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อผลลัพธ์ด้านสุขภาพ, การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ยั่งยืน อย่างเช่น ตอบรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย บริษัทฯ ได้ให้ความรู้กับคนทุกกลุ่มและออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับการวางแผนการเงินและการออมระยะยาว จนทำให้บริษัทกลายเป็น 1 ใน 3 ผู้นำด้านประกันบำนาญติดต่อกันถึง 5 ปี 

2. ด้วยการลงทุนอย่างรับผิดชอบ โดยมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนถ่ายสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ โดยลดการปล่อยคาร์บอนในการลงทุนและการมีส่วนร่วมกับผู้ออกนโยบาย และผู้ถือหุ้นเพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบและเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันบริษัทสามารถลดค่าความเข้มข้นของคาร์บอนแบบเฉลี่ยน้ำหนัก (Weighted Average Carbon Intensity: WACI) มากกว่า 25% นับตั้งแต่ปี 2562 ที่ได้เริ่มมีการคำนวณ ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ในปี 2568 

พรูเด็นเชียลไทยกางกลยุทธ์ESGยึด3เสาหลัก-แจกกรมธรรม์กลุ่มเปราะบาง

3. การดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการสนับสนุนคนในองค์กรให้ตระหนักถึงความยั่งยืน รวมทั้งสร้างมาตรฐานเรื่องความยั่งยืนในระดับผู้นำขององค์กร อย่างเช่น การจัดการให้มีด้วย KPI ของพนักงานที่เชื่อมโยงกับ เรื่อง ESG หรือโครงการ ESG ภายในปี 2569 

กลยุทธ์ ESG

นายบัณฑิตยังเปิดเผยถึงเป้าหมายธุรกิจอีกว่า คาดหวังมีจำนวนลูกค้าแตะ 2 ล้านราย ภายในสิ้นปีนี้ สำหรับผลการดำเนินงานพรูเดนเชียลกรุ๊ปสำหรับ 3 ไตรมาสแรก มีตัวเลขเบี้ยกรมธรรม์เติบโต 40% และมูลค่าธุรกิจใหม่เติบโต 30% แม้อยู่ในช่วงภาวะเศรษฐกิจผันผวนก็ตาม ทั้งนี้มองว่าภาพรวมธุรกิจประกันในปีหน้าจะยังคงมีการแข่งขันสูง แต่เชื่อว่าลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่จะให้ความสำคัญกับตัวองค์กรมากขึ้นว่ามีส่วนนำเงินไปช่วยเหลือสังคมและลดความเหลื่อมล้ำได้แค่ไหนมากขึ้น

รวมถึงมองว่า คนไทยสวนใหญ่ยังสนใจและนิยมประกันด้านการออมมากอยู่ จึงมีเม็ดเงินในส่วนนี้เพิ่มขึ้นมากแน่ ๆ แต่ก็ให้ความสำคัญเรื่องประกันสุขภาพมากขึ้นด้วยและยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะเมื่ออัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) หรือการเพิ่มขึ้นของค่ารักษาพยาบาลรายปี ยังคงมีแนวโน้มเติบโตสูง ก็ยิ่งทำให้บทบาทของประกันสุขภาพมีมากขึ้น เพราะหากเจ็บป่วยจะมีภาระค่าใช้จ่ายสูงถ้าไม่มีประกันสุขภาพ เช่นเดียวกับที่กรมธรรม์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินออม เช่น Unit Linked หรือประกันควบการลงทุน ก็จะได้รับความนิยมมากขึ้น ยิ่งปัจจุบันที่มูลค่าของกองทุนรวมต่ำลง จึงควรต้องทยอยสะสม

"ปีหน้าเราจะเน้นสนับสนุนให้พันธมิตรทั้ง ttb และ UOB ดูแลลูกค้าได้มากขึ้น และเพิ่มช่องทางการขายอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย"