posttoday

เปิดมุมมองธุรกิจ "โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ" กับเบื้องลึกซื้อลิขสิทธิ์ยูโร

04 กรกฎาคม 2567

เปิดใจ โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของดีลถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2024 และมุมคิดทางธุรกิจของ ประธานกรรมการ บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ว่าเขามีมุมคิดอย่างไร รวมถึงมุมมองทางเศรษฐกิจในประเทศไทย ณ ปัจจุบันที่เขามองว่าแทบไม่เห็นหนทางกลับมาได้เลย

โพสต์ ทูเดย์ พาไปคุยกับ โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการ บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2 สมัยติดต่อกัน พาไปดูจุดเริ่มต้นของการมาทำรองเท้าแอโร่ ซอฟท์ เปิดมุมมองธุรกิจของเจ้าสัวหมื่นล้าน การดูเกมฟุตบอลที่เจ้าตัวบอกว่าไม่ได้ชอบกีฬาฟุตบอลเล แต่ต้องดูเพื่อเอาไว้คุยกับลูกๆ จนกลายเป็นมาเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ยูโร 2 สมัยในมูลค่าเกือบพันล้านบาท

จุดเริ่มต้นของการมาทำรองเท้า แอโร่ ซอฟท์

"ความเป็นไปมาในด้านรองเท้าเมื่อซัก 40 กว่าปีที่แล้วผมเป็นผู้รับจ้างผลิตให้กับแบรนด์รองเท้าต่างประเทศเป็นหลักซึ่งเมื่อเราได้มีประสบการณ์แล้วเนี่ยก็จะได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ต่างๆซึ่ง ณ สมัยนั้นเนี่ยส่งออกทางยุโรปเป็นส่วนใหญ่จะมีรองเท้าของอิตาลี พอผมผลิตเสร็จเขาก็จะเอาสติ๊กเกอร์ Made in ITALY มาติด แล้วแกะป้าย Made in Thailand ออก ซึ่งตอนนั้นบางท่านอาจจะไปซื้อจากอิตาลีกลับได้สินค้าจาก Make In Thailand กลับมาก็ได้นะครับ" โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ เริ่มย้อนจุดเริ่มต้นของการผลิตรองเท้า

เปิดมุมมองธุรกิจ \"โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ\" กับเบื้องลึกซื้อลิขสิทธิ์ยูโร

"ตอนนั้นประเทศไทยค่าแรงยังไม่แพง พวกยุโรปพอไปเจอค่าแรงเกาหลี,ไต้หวันที่แพง ก็เลยย้ายฐานผลิตมาที่ไทย ก็เป็นโอกาสดีที่ทางผมเนี่ยพอมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องทำเบาะมาอยู่บ้างเพราะการทำเบาะมันเกี่ยวกับว่าเรามีความรู้เรื่องหนังเรื่องเย็บเรื่องกาวต่างๆนะแต่ผมก็เลยเมื่อกระแสเข้ามาด้านรองเท้าผมก็น่าจะทำได้นะครับก็เลยตั้งโรงงานมารองรับ"
 

เปิดมุมมองธุรกิจ \"โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ\" กับเบื้องลึกซื้อลิขสิทธิ์ยูโร

"จากการที่เรามีประสบการณ์ได้ร่วมมือกับต่างประเทศเนี่ยเขาต้องมาแนะนำว่าสเปคก็ต้องอย่างโน้นอย่างนี้นะคุณภาพพวกนี้เราก็เรียนรู้จากเขาและส่วนตัวผมเองให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี ผมลงทุนจ้างดีไซเนอร์จากอิตาลีมาเลย เมื่อสัก 40 ปีที่แล้วผมจ้างให้เงินเดือนเดือนละ 5 แสนบาท แต่สัญญา 6 เดือน เท่ากับผมลงทุน 3 ล้านบาทเพื่อให้ความรู้จากเขาแล้วเอามาใช้กับผลิตภัณฑ์ของผมครับ" 

"ช่วงนั้นเนี่ยผมทำในลักษณะเป็นรองเท้า pu (รองเท้าผ้าใบระบายอากาศ) ซึ่งในเมืองไทยยังไม่มีใครทำได้และตัดไม่ได้ก็ยังไม่รู้จักเริ่มคุณภาพดีน้อยมากผลตอบรับเมื่อสัก 22 ปีถอยมาเรื่อยๆนะครับจนจนประมาณสัก 7-8 ปีที่หลังค่อนข้างดีมากเลยครับเพราะว่าจะสามารถมีพนักงานถึง 4,000 กว่าคนส่งออกเดือนนึงเดือนนึงประมาณซัก 3 ล้านคู่นะครับตลาดส่วนใหญ่ช่างผมก็ยังอยู่ตลาดต่างประเทศเป็นหลักนะครับส่วนกลางอ่ามีการมีเพียงเล็กน้อยยุโรปก็มีบ้างแต่อย่างค่อนข้างน้อยหาต่างประเทศสัก 75% ในไทยแค่ 25% 

กลุ่มเป้าหมายรองเท้าเพื่อสุขภาพ "จากรุ่นคุณป้าส่งต่อหลานชาย"

โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ เสริมว่ารองเท้าของเขาเน้นที่สวมใส่สบายและลงทุนเพิ่มเพื่อสุขภาพเท้าของผู้ใช้ ส่วนราคาเป็นที่จับต้องได้ 

เราเน้นไปที่คุณภาพและราคาที่ไม่แพงมาก กลุ่มเป้าหมายเรามีหลายกลุ่ม เช่นรองเท้าสุขภาพพยาบาลซึ่งรองเท้าพยาบาลตอนนี้ของผมเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทยแล้วนะครับแล้วรองเท้าของผู้สูงวัยนะครับที่เป็นลักษณะนี้นะครับผมเองก็ครองตลาดเพิ่มขึ้นมานะครับเพียงแต่ว่าตลาดแฟชั่นน่ะกำลังปรับตัวเพราะว่าคนส่วนใหญ่ก็ยังนิยมเริ่มแฟชั่นตอนนี้ก็จะเริ่มจากรุ่นคุณป้าจริงคือเกิดเมื่อ 40 ปีที่แล้วตอนนี้ก็รุ่นหลานชายก็จะมารองรับ (ประโยคหนึ่งในท่อน เพลงเชียร์ยูโร 2024 ที่โกมลย้ำกับทีมข่าวโพสต์ ทูเดย์ว่าเขาเป็นคนใส่ท่อนนี้เสริมไปเอง) 
เปิดมุมมองธุรกิจ \"โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ\" กับเบื้องลึกซื้อลิขสิทธิ์ยูโร

ตอนนี้ก็รุ่นหลานชายก็จะมารองรับใช้ใช้ผลิตภัณฑ์ทดสอบต่อครับผมเองตอนนี้ได้พัฒนารองเท้านักเรียนอีกและนักเรียนชายซึ่งอยากจะนะครับเชิญชวนให้ทุกท่านนะครับที่มีบุตรมาทดลองใช้ดูมันมีคุณภาพที่ดีจนท่านไม่เชื่อเลยว่าเป็นไปได้อย่างไรนะครับสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นลองพิสูจน์ด้วยตัวเองครับ 

แผนธุรกิจปัจจุลันส่งต่อทายาทรุ่นถัดไป

ในเรื่องแผนธุรกิจภาพใหญ่ก็ยังเน้นให้ทีมงานมืออาชีพรับช่วงอยู่  เพราะว่าส่วนตัวผมเองจะคิดแตกต่างกับชาวบ้านเยอะครับ เช่นผมว่าชีวิตผมเองทำงานหนักและลำบากมาก่อน ในเมื่องานที่เราทำมันค่อนข้างลำบากถ้าเราไปเรียกร้องกับลูกหลานเนี่ย ผมก็มาคิดว่าเราจะไปเรียกร้องเขาเพื่ออะไรใช่ไหม ผมเลือกที่จะให้อิสระกับพวกเขามากกว่าครับ หากเขาอยากทำเขาก็จะมาทำเอง เพราะหากเราไปตั้งความหวังกับเขามันจะกลายเป็นความกดดันกันเปล่าๆ 

เปิดมุมมองธุรกิจ \"โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ\" กับเบื้องลึกซื้อลิขสิทธิ์ยูโร

ซื้อลิขสิทธิ์ยูโร เพื่อประชาสัมพันธ์ "แอโร่ซอฟท์" 

พูดถึงการแข่งขันยูโร 2024 ครั้งนี้ แอโร่ ซอฟท์ คือผู้ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดจากยูฟ่า และนำมาปล่อยให้ตัวแทนจากฟรีทีวีนำไปเผยแพร่ต่อให้คนไทยได้รับชมกันแบบสดๆ ที่สำคัญคือดูฟรี !

การซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ย้อนไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ยูโร 2020 (แข่งปี 2021) ชื่อของโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ก็เป็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ มาแล้วในฐานะอัศวินขี่ม้าขาว มาซื้อลิขสิทธิ์ก่อนวันเดดไลน์ที่จอทีวีจะดำ ส่วนยูโรครั้งนี้ มีเวลาเตรียมตัวนานหน่อยเกือบ 2 เดือน ซึ่งมูลค่าในการซื้อลิขสิทธิ์มาถ่ายทอดสดมีมากพอๆกับครั้งที่แล้วคือ 300 ล้านบาท รวม 2 ครั้ง แอโร่ซอฟท์จ่ายไปเกือบพันล้านบาท ตรงนี้โกมลมองว่าคุ้มสำหรับการจ่ายไปเพื่อทำการตลาด

"ไอเดียของผมก็คืออยากจะประชาสัมพันธ์แบรนด์ให้ขึ้นมาเป็นระดับกลางบวกนะครับซึ่งในวงเงินที่ผมจ่ายไปถ้าเทียบกับที่เราจะสร้างแบรนด์นี้ผมเล็งเห็นแล้วว่ามันมีความคุ้มค่ามากกว่า เพราะถ้าเกิดเราไปใช้เงินกระปริดกระปรอยเดือนนึงซัก 10 กว่าล้านนี่มันละลายไปไม่เห็นเลยนะครับ ผมยังคิดว่าในระยะยาวมันคุ้มค่าในการที่มาเป็นสปอนเซอร์ให้กับฟุตบอลรายการนี้ครับ" 

"ยูโรครั้งที่แล้วผมมีเวลาตัดสินใจแค่ 1 คืน (ไม่ถึงวัน) ส่วนครั้งนี้ก็ประมาณ 45 วัน กับการแข่งขันระยะเวลา 1 เดือนแล้วเราได้โปรโมทสินค้าเราทุกวันๆผมว่านี่คือโอกาสที่ดีครับ"

ส่วนฟุตบอลโลกครั้งหน้า "แอโร่ ซอฟท์" สนใจจะลงมาซื้อลิขสิทธิ์อีกหรือไม่ เพราะกสทช.ถอดฟุตบอลโลกออกจากกฎ มัสท์ แฮฟ แล้ว และเปิดให้เอกชนสามารถซื้อมาถ่ายทอดสดได้ ตรงนี้ เจ้าของ แอโร่ ซอฟท์ เสริมว่า 

"ต้องดูกันอีกที แต่ถ้ามันมีเหตุต้องจอดำจริงๆก็อาจจะอยากให้แฟนบอลมีความสุขก็อาจจะเพิ่มความสุขให้คอบอลคนไทยนะครับ"

เปิดมุมมองธุรกิจ \"โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ\" กับเบื้องลึกซื้อลิขสิทธิ์ยูโร
พูดเศรษฐกิจประเทศไทยเวลานี้"ฟื้นตัวกลับมายาก"

ในฐานะคนที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ และใช้ชีวิตอุทิศเพื่อการทำงาน โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ พูดเสริมถึงเศรษฐกิจในบ้านเราที่กำลังฝืดเคือง ณ ปัจจุบันนี้อย่างน่าสนใจ 

"มีมุมมองก็อยากจะแชร์ให้ทุกท่านนะครับได้รับทราบนิดนึง  ซึ่ง ณ วันนี้เนี่ยเป็นจุดที่อันตรายมากๆสำหรับประเทศไทยนะครับเหตุผลเพราะว่าเรานิ่งอยู่กับที่มาเป็นสิบๆปี เหตุผลก็อย่างที่ท่านทราบดีอยู่แล้ว พอมีการรัฐประหารช่วงนั้นเรานิ่งอยู่กับที่ ขณะที่เพื่อนบ้านเขาที่อยู่หลังเราก็ค่อยๆเดินจนเกือบจะแซงเราหรือไม่ก็แซงเราไปแล้ว เลยยิ่งทำให้ในการที่จะแข่งขันกับเขาก็ยิ่งยากขึ้นไป"

"7 ปีที่แล้วอย่าง Samsung เขาย้ายไปเวียดนามเข้าไปสร้างตำแหน่งงานหนึ่งแสนตำแหน่งที่นั่น  ซึ่งถ้าเราทำได้สัก 1 แสนตำแหน่งในประเทศไทย คนก็ไม่ต้องไปขี่มอเตอร์ไซค์ขี่แก๊ป ไม่ต้องไปเป็นแม่ค้าขายของตัดราคากันเอง ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าผู้บริโภคน้อยลงมีแต่คนขายมากขึ้นซึ่งถามว่ามันจะพลิกฟื้นมาได้ไหมในความเห็นส่วนตัวว่ายากจริงๆนะครับ"

"โดยส่วนตัวผมไม่ใช่มองโลกในแง่ร้ายแต่ยังมั่นใจว่าไม่มีความเป็นไปได้นะครับ"

"เพราะว่าเวลานี้การแข่งขันเหล่านี้คนส่วนใหญ่มองกันเป็นระยะสั้นๆเท่านั้นนะ ยกตัวอย่าง ชานมไข่มุกก็เฮโรกันเปิดขาย พอมีสุกี้สายพานคนก็เฮกันไปทำ มันไม่ได้เป็นการยืนยันว่าสร้างรายได้คุณมีมูลค่าได้ ส่วนSME ก็มีจำนวนมาก แต่ผลสุดท้ายก็รอดแค่ 2-3% "

"ช่วงหนึ่งสัก 7-8 ปีที่แล้วการไลฟ์ขายของเนี่ยโอ้โหมันทำกำไรดีมาก พอมีคนทำ คนนั้นทำคนนี้ก็ทำ จนตอนนี้ตัดราคากันจนขายกันไม่ได้แล้วครับ"

ให้กำลังใจคนทำงาน แต่ต้องมองที่ข้อเท็จจริง

"ส่วนที่รัฐบาลทำอยู่ตอนนี้ ผมก็ยังมองว่าภาพรวมแล้วถือว่าดีมากๆ แต่คุณต้องไม่ลืมว่า ประเทศไทยหากเปรียบเป็นคนป่วยก็อยู่ในห้อง ICU แล้วเราจะออกมาทันทีเลยมันไม่ได้มันจะค่อยๆฟื้นฟูสุขภาพฟื้นฟูต่างๆแต่อย่างที่บอกแหละครับว่า โลกสมัยนี้เพื่อนบ้านของเราก็แข็งแรงกว่าที่ค่อยๆฟื้นตัวก็จะยิ่งถูกทิ้งห่างไปเรื่อยๆ"

"อย่างทุเรียนเราคิดว่ายังขายได้ราคาดี แต่ตอนนี้เวียดนามก็ปลุกขึ้นมาเยอะมากแล้ว ทั้งจีนเขาก็พัฒนาทำยังไงให้มันอร่อยแต่กินให้มันไม่มีกลิ่นที่กลิ่นฉุนอะไรต่างๆเนี่ยนะครับด้าน r&d เนี่ยบ้านเราน้อยมากๆ"

"ก็ให้กำลังใจกันนะครับแต่อย่าลืมนี่คือข้อเท็จจริง"

เปิดมุมมองธุรกิจ \"โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ\" กับเบื้องลึกซื้อลิขสิทธิ์ยูโร

ไลฟ์สไตล์ ไม่ค่อยชอบดูฟุตบอลแต่ชอบ"อเมริกัน ฟุตบอล" (NFL)

ผมไม่มีทีมฟุตบอลที่เชียร์เลยครับ ช่วงที่ลูกยังเล็กเป็นวัยรุ่นเราจะได้มีเรื่องคุยกับเขา แต่ส่วนตัวไม่ชอบนะ (ยิ้ม) มันไม่สนุก แต่หากเป็นบาสเก็ตบอล หรืออเมริกัน ฟุตบอล นี่ผมชื่นชอบ มันได้ลุ้นได้วางแผนตลอด อย่างอเมริกันฟุตบอลนี่นะ ผมชอบดูการเล่นของพวก ควอเตอร์แบ็ก (ตัวคุมเกมและกำหนดชะตาการเล่นของทีม) ก็คิดว่าสักวันจะไปนั่งดูเกมจริงๆในนัดชิงชนะเลิศซุเปอร์โบว์ลครับ