posttoday

เผ่าภูมิ หวังธปท.นำข้อกังวลคลัง เป็นปัจจัยร่วมในการประชุมกนง. นัด 16 ต.ค.นี้

04 ตุลาคม 2567

เผ่าภูมิ เผย พิชัย ถก เศรษฐพุฒิ ช่วยปรับจูนภาพทางเศรษฐกิจให้เข้าใจตรงกันมากขึ้น คาดหวังธปท. นำข้อกังวล คลัง เป็นปัจจัยร่วมในการพิจารณาดอกเบี้ยในการประชุมกนง. 16 ต.ค.นี้

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง เปิดเผยว่า ตนได้มีการหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงกรณีการหารือกับ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อวานนี้(3 ต.ค.67) ว่า ภาพรวมถือว่าเป็นผลไปในทิศทางบวก คลังและธปท.ได้มีการแลกเปลี่ยนภาพทางเศรษฐกิจให้ตรงกันมากขึ้น โดยในส่วนของคลังได้สะท้อนภาพเศรษฐกิจ พร้อมแสดงความห่วงใยใน 3 เรื่อง คือ ทิศทางอัตราดกอเบี้ยนโยบาย ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินที่แข็งค่าจนเกินไป รวมถึงส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และเงินกู้ ซึ่งจากการพูดคุยกันในครั้งนี้ คลังจึงคาดหวังว่า ธปท.จะนำข้อกังวล ของคลังไปเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณานโยบายอัตราดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 16 ต.ค.นี้

“การพิจารณาดอกเบี้ยต้องขึ้นอยู่กับกนง. ซึ่งเราต้องให้เกียรติธปท.และกนง. โดยคลังกับธปท.ได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันพอสมควร ทำให้มีการปรับจูนแลกเปลี่ยนภาพทางเศรษฐกิจให้ตรงกันมากขึ้น และเราก็ได้สะท้อนความห่วงใยไป ก็ซึ่งเชื่อว่าธปท. หรือกนง.จะนำข้อมูลทั้งหมด ปัจจัยทั้งหมด ไปร่วมตัดสินใจเป็นประโยชน์สูงสุดต่อไปประเทศ และตรงกับบริบทโลกมากขึ้น  ”นาย เผ่าภูมิ กล่าว

อย่างไรก็ตาม โดยธรรมชาติการกระตุ้นเศรษฐกิจต้องประกอบไปด้วยนโนบายการเงิน และนโยบายการคลัง หากขาใดขาหนึ่งไม่ช่วยออกแรงกระตุ้น อีกขาหนึ่งก็ต้องทำงานหนักมากขึ้น โดยที่ผ่านมามาตรการทางการคลังได้มีมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไปแล้ว ผ่านโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 โดยการแจกเงิน 10,000 บาทให้กับกลุ่มเปราะบาง จำนวน 14.55 ล้านคนล้าน รวมวงเงิน 1.45 แสนล้านบาท พบว่ามีเงินกระจายตัวไปทุกตำบลทั่วประเทศ 

 

สำหรับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส2 นั้นคงต้องรอดูผลทางเศรษฐกิจจากมาตรการเฟสที่1 ก่อน เนื่องจากผลการใช้จ่ายไม่ได้จบรอบตั้งแต่วันใช้จ่าย แต่จะเกิดการหมุนเวียนไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของคลังไม่ได้มีเพียงการแจกเงินเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายเท่านั้น แต่ยังมีมาตรการอื่นๆร่วมด้วย อาทิ มาตรการทางภาษี มาตรการทางการเงิน มาตรการสินเชื่อเราก็มี่เรื่อง soft loan ต่างๆ ที่เข้าไปช่วย 

“คลังไม่ลืมที่จะรักษาแรงส่งทางเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่อง แต่เราต้องรอผลของphase หนึ่งก่อนว่า ผลของเฟสแรก สามารถกระจายตัวได้นานขนาดไหนหมุนได้เยอะขนาดไหนแล้ว และยังมีมิติของการผลักต่อเศรษฐกิจสูงขนาดไหน ในส่วนของเฟสสองเนี่ย ต้องหารือกันในคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ  ซึ่งก็ไม่ได้ดูเฉพาะการ digital wallet แต่ก็ดูภาพรวมของการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งก็ต้องทําให้ sink กันระหว่างมาตรการ digital wall” นายเผ่าภูมิ กล่าว

ส่วนกรณีที่มีข้อเสนอให้มีโครงการคูณสอง ประชาชนจ่าย 100 รัฐจ่ายให้100 บาทนั้น ภาครัฐมีหน้าที่รับข้อเสอนต่าง โดยไม่ได้เจาะตงว่าเป็นข้อเสนอของใคร โดยจะนำข้อเสนอแนะมาวิเคราะห์และเลือกใช้ต่อไป

 

สำหรับกำหนดการประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจจริงๆแล้วต้องการให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด แต่อยากให้เข้าใจว่าขณะนี้ประเทศมีปัญหาเรื่องอุทภัย ทำให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีภาระกิจเร่งด่วนที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือพี่น้อยประชาชน ดังนั้นต้องรอให้สถานการณ์ตรงนี้คลีคลายไปก่อน โดยจะจัดให้มีการประชุมให้เร็วที่สุด