posttoday

เมดพาร์ค เสนอรัฐ ตั้งกรรมการร่วมเอกชน ดัน Medical Hub เพิ่ม GDP ประเทศ 5%

07 ตุลาคม 2567

เผยประเทศไทยมีส่วนแบ่งตลาดโลก Medical Tourism ถึง 10% เกือบ 7 หมื่นล. หากรัฐบาลต้องการดันเป็นนโยบายประเทศ ต้องมีความชัดเจน แนะ ตั้งกรรมการร่วมกับเอกชน กำหนดทิศทาง Medical มั่นใจช่วยดัน GDP ประเทศอย่างน้อย 5%

          นพ.พงษ์พัฒน์ ปธานวนิช กรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลเมดพาร์ค กล่าวในงาน ASEAN Economic Outlook 2025: The Rise of ASEAN, A Renewing Opportunity ซึ่งจัดขึ้นโดย กรุงเทพธุรกิจ หัวข้อ Thailand Wellness Tourism Competitiveness ว่า มูลค่าตลาด Wellness Tourism ทั่วโลก อยู่ที่ 8 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดใหญ่อยู่ที่อเมริกา ซึ่งตลาดนี้เป็นเรื่องของความเชื่อ และพร้อมปรับปรุงตัว ธุรกิจจึงเกี่ยวข้องกับการกิน กินอาหารเสริม การท่องเที่ยว แม้ไม่มีการพิสูจน์ว่าเป็นจริง แต่คนก็พร้อมที่จะลองเพื่อให้สุขภาพดีขึ้น

          ขณะที่ Medical Tourism มูลค่าตลาดทั่วโลกอยู่ที่ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยประเทศไทยมีส่วนแบ่งอยู่ถึง 10% คิดเป็นเงิน 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 60,000-70,000 ล้านบาท ทว่ากลับมีโรงพยาบาลเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่สามารถตอบโจทย์ Medical Tourism ได้ 

          เขายกตัวอย่างถึงการเสียโอกาสในตลาด Medical ของประเทศไทยว่า คือการรักษาด้วยสเต็ม เซลล์ เมื่อ 20 ปีก่อน ตอนที่ตนเองเป็นแพทย์อยู่โรงพยาบาลเจ้าพระยา คนอเมริกันถึง 300 เคส เข้ามารักษาโรคด้วยสเต็มเซลล์ ขณะที่คนไทยไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้ เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ แพทยสภาบอกว่า ไม่มีงานวิจัยรองรับ ทำให้ประเทศไทยต้องล้มเลิกโครงการสเต็มเซลล์ ขณะที่ตอนนี้ต่างชาติสามารถรักษาได้ ทำให้ประเทศไทยมาก่อน แต่กลับเสียโอกาสไปแล้ว

Medical Hub รัฐพูดออกสื่อ แต่ไม่มีกฎหมายรองรับ ถ้าบีโอไอ ประกาศ รับรอง จีดีพี ขึ้นแน่ ดังนั้นจึงควรให้เอกชนมีส่วนร่วมในการออกแบบ ส่วนแบ่งตลาดโลก 10% ที่ไทยมีอยู่ 6-7 หมื่นล้านบาท จะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ แน่นอน

          ถ้านายกรัฐมนตรีมีนโยบายสนับสนุน ต้องมีนโยบายออกมาชัดเจน รัฐบาลจำเป็นต้องมีการตั้งคณะกรรมการโดยมีภาคเอกชนร่วมออกแบบนโยบายในการคัดเลือก Medical Hub ว่าจะไปทางไหน เช่น สเต็มเซลล์ หรือ ดีเอ็นเอ รวมไปถึงการออกแบบการศึกษา เพื่อพัฒนาบุคลากรด้านนี้ รองรับการเติบโตของตลาดในอนาคต มีงานวิจัยรองรับ ว่าสิ่งไหนทำได้ สิ่งไหนทำไม่ได้ ขณะที่ธุรกิจโรงพยาบาลเองก็ต้องมีการเสียภาษีเพิ่มเติมให้รัฐบาล หากทำเช่นนี้ รับรองว่า จะสามารถกระตุ้น GDP ของประเทศได้อย่างน้อย 5% อย่างแน่นอน