บาทแข็ง ฉุดคลัง จัดเก็บรายได้ปี 67 หลุดเป้า 5 พันล้าน
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิปีงบประมาณ 2567 ต่ำกว่าเป้า 4,000-5,000 ล้านบาท โดยในช่วง11เดือนแรกของปี งบประมาณ 2567(ตุลาคม 2566– สิงหาคม 2567) รัฐบาลจัดเก็บรายได้ สุทธิจำนวน 2,452,726 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนก.ย.2567 ก่อนปิดหีบ ซึ่งมีผลทำให้กรมสรรพากรจัดเก็บมีภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากสินค้านำเข้าได้น้อยลงอย่างชัดเจน รวมถึงการเบิกจ่ายไม่ครบ ทำให้การจัดเก็บรายได้สุทธิของรัฐบาลปีนี้ ต่ำกว่าเป้าหมายไปเล็กน้อย
ถ้าไม่มีเรื่องปัจจัยของอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุม ก็คาดว่ารัฐจะจัดเก็บได้ตามประมาณการเอกสารงบประมาณ ที่ 2.23 ล้านล้านบาท แต่ตัวเลขต่ำกว่าเป้า 4-5 พันล้านบาท ถือว่าต่ำกว่าเป้าไปนิดเดียว โดยรวมถือว่าทำได้ดีมากในทุกหน่วยงานที่มีการจัดเก็บ
ทั้งนี้ คาดว่า ในระดับนโยบายจะนำผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนต่อการจัดเก็บรายได้รัฐ ไปหารือในที่ประชุมกับธนาคารแห่งประเทศไทยในวันนี้ (29ต.ค.67) ด้วย
นายลวรณ ยังกล่าวด้วยว่า ในวันที่ 31 ต.ค.2567 นี้ ในเวลา 11.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 4/2567 ซึ่งในวันนั้นกระทรวงการคลังจะรายงาน รวมถึงการหารือร่วมกันถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ร่วมกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะต้องติดตามดูว่า รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรออกมาบ้าง
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า กรมสรรพามิตได้เก็บภาษีพลาดเป้าอยู่ที่ประมาณ 20,000 กว่าล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบายลดภาระค่าครองชาชน ผ่านมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลและเบนซิน รวมถึงภาษีรถยนต์ ซึ่งส่งผลต่อรายได้ภาครัฐ อย่างไรก็ตามช่วงสิ้นปีงบประมาณ 2567 กระทรวงการคลังมีความหวังว่า เป้าการจัดเก็บรายได้จะกลับมาไม่ติดลบ
หวังใจว่า ในช่วงสุดท้ายสิ้นปี67 การจัดเก็บรายได้จะไม่ติดลบ ซึ่งการพลาดเป้าจัดเก็บในภาพรวมที่ติดลบอยู่ที่ประมาณ 40,000 ล้านบาท ไม่มีผลกระทบใดๆ กับกระบวนการจัดการอย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะรัฐบาลมีกลไกลจัดเก็บรายได้ ในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด