ทีเส็บ ดันไทยหมุดหมายภูมิภาคงานแสดงสินค้านานาชาติ ทำเงินเข้าไทย 7,425 ล้าน
"ทีเส็บ" ยกระดับไทย ดันขึ้นจุดหมายภูมิภาคการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ ชูโครงสร้างพื้นฐานที่ดี คาด Exhibition Industry Summit 2024 ส่งผลดึงงานใหม่ๆ เข้ามาจัดในไทยเพิ่มขึ้นอีก 60 งาน ตั้งเป้า 3 ปี 2568 - 2570 สร้างรายได้เข้าประเทศมูลค่า 7,425 ล้านบาท
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ ทีเส็บ กล่าวว่า “การจัด Exhibition Industry Summit 2024 นับเป็นความสำเร็จที่สำคัญต่อประเทศเป็นอย่างมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่ระดับผู้นำซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจของบริษัทผู้จัดงานแสดงสินค้านานาชาติยักษ์ใหญ่จากยุโรปและเอเชียได้มารวมตัวกัน ได้รับฟังวิสัยทัศน์ ข้อมูลเชิงลึก และทิศทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการจัดงานสินค้านานาชาติโดยตรงจากผู้นำและผู้มีอำนาจในการตัดสินใจระดับสูงของไทย
จึงมีผลต่อการตัดสินใจเลือกสถานที่จัดงานในอนาคตของผู้จัดงานขนาดใหญ่ระดับโลก และเป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้เข้าร่วมงานได้แสดงความมั่นใจว่า ประเทศไทยเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับจัดงานแสดงสินค้า การทำธุรกิจที่เน้นการพบปะ แลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็น ลงทุน และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ นอกจากนี้ เรายังได้รับข้อเสนอแนะในการพัฒนาด้านต่างๆ ที่จะส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติเติบโตได้รวดเร็ว สอดรับกับความต้องการของตลาดโลก” นายจิรุตถ์กล่าว
หลังจากนั้น คณะฯ ได้ร่วมการประชุมโต๊ะกลมกับผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลไทย เพื่อหารือประเด็นสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม โดยผู้แทนภาครัฐของไทยแสดงความเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และดึงดูดนักลงทุนเข้ามามากขึ้น รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาของธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่อง ซึ่งสอดรับกับนโยบายของภาครัฐที่เน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้แก่ประเทศคิดเป็นร้อยละ 12 ของ GDP
นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้รับฟังข้อมูลที่น่าสนใจของประเทศไทย ทั้งในด้านศักยภาพของประเทศ ข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างมีศักยภาพ และแนวโน้มทิศทางของอุตสาหกรรมการจัดการแสดงสินค้านานาชาติ ในการบรรยายเรื่อง Shaping Thailand’s Future in the Global Value Chain"
โดยผู้แทนจาก International Financial Corporation และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย การเสวนาเรื่อง "Thailand’s Economic Potential and Integration into ASEAN: Future Frontiers" โดยผู้นำจาก 3 ธุรกิจที่เป็นกลุ่มหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ได้แก่ ธุรกิจการแพทย์และการดูแลสุขภาพ ฟินเทคและเทคโนโลยี และยานยนต์ และการเสวนาเรื่อง "Exhibition Industry Strengths and Emerging Trends" โดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านการจัดการแสดงสินค้านานาชาติ
ทั้งนี้ผู้นำอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ ได้ชี้ให้เห็นเทรนด์และโอกาสสำคัญ 3 เรื่องที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
- ประการแรก การบริการที่ตรงตามความต้องการเฉพาะกลุ่ม (Customised Service) สามารถสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจ สอดคล้องกับเทรนด์ใช้ชีวิตของคนในปัจจุบัน คือ การสร้างความสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิต ซึ่งผู้จัดงานต้องคำนึงถึงและจัดสิ่งอำนวยความสะดวก บริการโทรคมนาคมที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานยังคงใช้ชีวิตปกติขณะมาร่วมงานได้
- ประการที่ 2 คือ การใช้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วย เช่น การจัดการฐานข้อมูลใหญ่ๆ การแปลคอนเทนต์เป็นภาษาต่างๆ
- ประการที่ 3 คือ การเลือกสถานที่จัดงานซึ่งนอกจากจะมีความพร้อมแล้วยังต้องทำให้ผู้เข้าร่วมงานประทับใจ รู้สึกว่าได้รับการต้อนรับที่ดี ซึ่งประเทศไทยมีจุดแข็งทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ยอดเยี่ยม มีกิจกรรมนอกโรงแรมให้ทำ และที่สำคัญคือวัฒนธรรมการต้อนรับของไทยที่ทำให้นักเดินทางประทับใจ
นอกจากนี้ในการจัดงานครั้งนี้ ทีเส็บ ยังได้นำเสนอภาพประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางมูลค่าสูงแห่งเอเชีย (High-Value Added Destination) โดยใช้แนวปฏิบัติเพื่อความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ
การเดินทางด้วยรถยนต์ไฮบริดและเรือพลังงานไฟฟ้า
การรังสรรค์เมนูอาหารที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นและชุมชน
สมุนไพรที่ทางโรงแรมปลูกเองและใช้วัตถุดิบอย่างคุ้มค่า เพื่อลดของเหลือใช้จากการปรุงอาหาร รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสกับวัฒนธรรมไทยในทุกมิติ อาทิ ปรุงอาหารรสชาติแบบไทย การแสดงศิลปวัฒนธรรม เช่น โขน และหุ่นละครเล็ก ที่ผู้เข้าร่วมงานมีปฏิสัมพันธ์ได้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ผสมผสานระหว่างความเป็นธุรกิจกับความเป็นไทยได้อย่างลงตัว
ทีเส็บคาดว่า การจัดงาน Exhibition Industry Summit 2024 จะส่งผลให้สามารถดึงงานใหม่ๆ เข้ามาจัดในประเทศไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 60 งานตลอดระยะเวลาอีก 3 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2568 - 2570) สร้างรายได้ให้แก่ประเทศเป็นมูลค่า 7,425 ล้านบาท มีผู้เข้าร่วมงานทั้งจากต่างประเทศและในประเทศรวมประมาณ 426,000 คน และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากนักเดินทางที่มาร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไทยรวมประมาณ 11,649 ล้านบาท