"พิชัย" หวังประชุมกนง. 18 ธ.ค.นี้ หั่นดอกเบี้ยลงอีก 0.25%

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ตนอยากเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.25% ต่อปี ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) รอบวันที่ 18 ธ.ค.2567 ซึ่งเป็นการประชุมนัดสุดท้ายของปีนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงทิศทางดอกเบี้ยของโลก  แต่อย่างไรก็ตามการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยเป็นการตัดสินใจของคณะกรรมการกนง. โดยที่ผ่านมาตนได้มีการหารือนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ในฐานะประธานบอร์ดกนง.หลายครั้งแล้ว ซึ่งเชื่อว่าทางผู้ว่าฯธปท. ได้รับรู้ถึงข้อกังวล และความห่วงของกระทรวงการคลัง

ในมุมของเรา ถ้าลดดอกเบี้ยลงได้ก็ดี อยากดูให้สอดเฟ้อที่ตอนนี้ยังต่ำอยู่ แต่จะลดลงเมื่อไรก็อยากให้เขาดูตัดสินใจกันเอง ซึ่งผมก็ได้หารือกับผู้ว่าฯธปท.หลายรอบแล้ว เชื่อว่าธปท.จะรับรู้ถึงข้อกังวล และความห่วงใยของเรา

ส่วนกรณีการเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นั่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่นั้น ยังไม่นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในวันพรุ่งนี้(17 ธ.ค.67)เนื่องจากอยู่ระหว่างการรอถามความคิดเห็นจากหน่วงยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากที่ได้ดำเนินการสอบถามไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่ครบถ้วน แต่ตามกำหนดถือว่ายังมีเวลาถึงกลางเดือนม.ค.2568 เรื่องนี้จึงไม่มีปัญหาอะไร เช่นเดียวกับการเสนอกรอบเงินเฟ้อปี 2568 คาดว่าจะเสนอครม.ได้ภายในปีนี้ แต่ยังไม่นำเข้าสู่การพิจารณาครม.ในวันพรุ่งนี้เช่นกัน  

นอกจากนี้ นายพิชัย ยังกล่าวถึงการแจกเงิน 10000 บาทในเฟส 2 ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป นั้นยืนยันว่าประชาชนผู้มีสิทธิ์จะได้รับเงินก่อนตรุษจีนแน่นอน แต่ยังไม่นำเรื่องเสนอให้ครม.ในวันพรุ่งนี้

คลังยังไม่นำเรื่องเงื่อนไขการแจกเงิน 10000 บาท เข้าสู่การพิจารณาของครม.ในวันพรุ่ง ไม่ต้องรีบ เพราะต้องดูทุกอย่าให้เรียบร้อยก่อน

สำหรับมาตรการของขวัญปีใหม่ของกระทรวงการคลัง ยืนยันว่ามีแน่นอน แต่ไม่จำเป็นต้องประกาศภายใน 31 ธ.ค.นี้ เพราะหลังปีใหม่ก็สามารถให้เป็นของขวัญปีใหม่ได้ 

ขณะที่ความคืบหน้าการเปิดให้ประชาชนเข้าลงทะเบียนแก้หนี้ปรับโครงสร้างแก่หนี้ครัวเรือน "คุณสู้ เราช่วย" ตนยังไม่ได้รับรายงานมาว่า มีประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการมากน้อยเพียใด โดยลงทะเบียนยังมีเวลาถึง 28 ก.พ.2568 

ไม่ได้คาดหวังว่าจะลดหนี้เสียในระบบได้รวดเร็ว ทันที แต่อย่างน้อยช่วยให้หนี้เสียนิ่งลง ซึ่งกำลังสอบถามผลการลงทะเบียนเป็นอย่างไร หลังการปรับโครงเรียบร้อยแล้ว เตรียมอีดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจอีก 1 ล้านล้านบาท แต่ยืนยันว่า ไม่ได้เอาทุนสำรองระหว่างประเทศออกมาใช้ตามที่มีคนพูดกัน ซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจผิด

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางเพื่อเพิ่มทุนหมุนเวียนของสำนักงานประกันสังคม เช่น แนวทางเพิ่มเงินสมทบ หรือ ขยายเวลาอายุเกษียณ หลังไทยเผชิญกัสถานการณ์จำนวนแรงงานไทยลดลง แต่รัฐต้องจ่ายเงินเพื่อดูแลแรงงานเกษียณอายุเพิ่มขึ้นทุกปี