posttoday

ครม.อนุมัติ ปลดล็อก "โซลารูฟท็อป" ไม่เข้าข่ายเป็นโรงงาน

17 ธันวาคม 2567

เฮ รับปีใหม่..ครม.อนุมัติ ปลดล็อก "โซลารูฟท็อป" ไม่ต้องขอนุญาตโรงงาน ตามกระทรวงอุตฯ เสนอจากเดิมกำหนดให้การผลิตตั้งแต่ 1,000 กิโลวัตต์ ต้องขอรับใบอนุญาต

KEY

POINTS

  • โซลารูฟท็อป ทุกกำลังการผลิต ไม่ต้องขออนุญาต
  • หนุนเอกชนรายย่อยเข้าถึงพลังงานแสงอาทิตย์ 
  • เตรียมปลดล็อคโซลาร์ฟาร์ม โซลาร์ โฟลทติ้ง 

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา  (17 ธ.ค. 2567) ครม. มีมติอนุมัติร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ ... (พ.ศ. ...) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 กำหนดยกเว้นให้การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา หรือ โซลารูฟท็อป (Solar Rooftop) ทุกกำลังการผลิต ไม่เข้าข่ายเป็นโรงงานและไม่ต้องขออนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ซึ่งเดิมกฎหมายโรงงานกำหนดให้การผลิตพลังงานไฟฟ้าจาก Solar Rooftop ที่มีกำลังการผลิตตั้งแต่ 1,000 กิโลวัตต์ ต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน นับเป็นการปลดล็อคเพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในทุกภาคส่วน

การแก้ไขกฎหมายดังกล่าว รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ มีความตั้งใจส่งเสริมและผลักดันให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะเอกชนรายย่อยเข้าถึงการใช้ไฟฟ้าสะอาดจากพลังแสงอาทิตย์ ซึ่งได้ดำเนินการขับเคลื่อนต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยอดีตรัฐมนตรีฯ พิมพ์ภัทรา เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้มีความเป็นมิตร ยั่งยืน กับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นจุดแข็งสำคัญที่จะตอบสนองกติกาสากลและช่วยดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ให้เพิ่มมากขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศแบบ “ซีโร่คาร์บอน” และนโยบายปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยสู่ “อุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน” ที่สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างบรรยากาศในการลงทุน และเน้นย้ำเรื่องการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนให้มากที่สุด

นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม อยู่ระหว่างพิจารณาขยายกรอบการปลดล็อคโซลาร์ฟาร์ม (Solar Farm) และ โซลาร์ โฟลทติ้ง (Solar Floating) โดยได้ประสานการทำงานร่วมกับกระทรวงพลังงานอย่างใช้ชิด เพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฮับของพลังงานสะอาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป