มิตซูบิชิ จับมือฮอนด้า-นิสสัน ลุยควบรวมธุรกิจ ขณะที่หุ้นฮอนด้าพุ่ง 15%
ฮอนด้า-นิสสัน จับมือลงนาม MOU จัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งร่วมกัน มุ่งสู่สังคมคาร์บอนนิวทรัลและปลอดอุบัติเหตุบนท้องถนน พร้อมดึงมิตซูบิชิร่วมพันธมิตร คาดสรุปผลมกราคม 2568 ด้านหุ้นฮอนด้าพุ่ง 15% เตรียมซื้อหุ้นคืน 1.1 ล้านล้านเยนปีหน้า
จากข่าวที่ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด (Honda) และบริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด (Nissan) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อเริ่มต้นการหารือเกี่ยวกับการควบรวมกิจการผ่านการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งร่วมกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันระดับโลกในอุตสาหกรรมยานยนต์ และสร้างสังคมที่ปลอดอุบัติเหตุและเป็นกลางทางคาร์บอน
การควบรวมกิจการครั้งนี้จะส่งผลให้กลุ่มบริษัทก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากโตโยต้าและโฟล์คสวาเกนเท่านั้น ซึ่งจะเพิ่มอำนาจต่อรองและความสามารถในการแข่งขันกับผู้ผลิตรถยนต์จากจีนที่กำลังรุกตลาดโลกอย่างรวดเร็ว
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น (Mitsubishi) ยังได้ร่วมลงนามในข้อตกลงดังกล่าว โดยตั้งเป้าที่จะสรุปผลการเจรจาในเดือนมกราคม 2568 หากสำเร็จ การควบรวมกิจการครั้งนี้จะทำให้ทั้งสามบริษัทกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับสามของโลก รองจากโตโยต้าและโฟล์คสวาเกน คาดยอดขายรวมที่สูงถึง 10 ล้านคันต่อปี
หุ้นฮอนด้าพุ่งแรงสุดในรอบ 16 ปี
ข่าวการเจรจาควบรวมกิจการได้ส่งผลให้นักลงทุนตอบรับในเชิงบวก ราคาหุ้นของฮอนด้าพุ่งขึ้น 15.5% ระหว่างการซื้อขายในวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ซึ่งถือเป็นการปรับตัวสูงสุดในวันเดียวที่แรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008 นักวิเคราะห์มองว่านี่เป็นผลจากความคาดหวังในการผนึกกำลังที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในด้านการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีอัจฉริยะ ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
รายงานจากซีเอ็นบีซีระบุว่า ราคาหุ้นของบริษัทฮอนด้า มอเตอร์ (Honda) ปรับตัวพุ่งแรงถึง 15.5% ระหว่างการซื้อขายในวันอังคารนี้ (24 ธ.ค.) ซึ่งหากสามารถรักษาระดับราคาประมาณนี้ไปจนถึงปิดตลาดได้ จะทำให้เป็นวันที่ราคาหุ้นของฮอนด้าพุ่งขึ้นแรงที่สุดในรอบ 16 ปี นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2008 หลังจากนักลงทุนตอบรับในเชิงบวกกับข่าวการเจรจาควบรวมกิจการกับบริษัทนิสสัน มอเตอร์ (Nissan)
นายโทชิฮิโระ มิเบะ ประธานกรรมการบริหาร ฮอนด้า มอเตอร์ กล่าวว่า “การควบรวมครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพในด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงทรัพยากรที่จำเป็นในการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราหวังว่าความร่วมมือนี้จะนำไปสู่การสร้างคุณค่าใหม่ในระดับโลก”
นายมาโกโตะ อูชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นิสสัน กล่าวว่า “วันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ การร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้เราสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า”
ด้านนายทาคาโอะ คาโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เสริมว่า “เราจะศึกษารูปแบบความร่วมมือเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากจุดแข็งของแต่ละบริษัท และพร้อมที่จะสร้างมิติใหม่ในอุตสาหกรรม”
ความจำเป็นเร่งด่วนของนิสสัน
การควบรวมกิจการครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อนิสสัน ซึ่งกำลังเผชิญความท้าทายทางการเงินอย่างหนัก โดยบริษัทรายงานกำไรลดลง 94% ในช่วงครึ่งปีแรกที่สิ้นสุดเดือนกันยายน และต้องประกาศลดกำลังการผลิตลง 20% พร้อมเลิกจ้างพนักงาน 9,000 คน
ด้าน อดัม โจนาส (Adam Jonas ) นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley มองว่าการควบรวมครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการควบรวมกิจการครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยบริษัทที่ไม่สามารถหาพันธมิตรได้จะเผชิญความท้าทายด้านต้นทุนการพัฒนาและการวิจัยที่สูงขึ้น
แผนความร่วมมือเชิงกลยุทธ์
ทั้งสามบริษัทตั้งเป้าจะสรุปผลการเจรจาภายในสิ้นเดือนมกราคม 2568 โดยความร่วมมือจะครอบคลุมหลายด้าน ทั้งการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะ ยานยนต์ไฟฟ้า และการแบ่งปันทรัพยากรด้านการวิจัยและพัฒนา
นายโทชิฮิโระ มิเบะ ซีอีโอของฮอนด้า กล่าวว่า "การรวมทรัพยากรและจุดแข็งของทั้งสามบริษัท ทั้งด้านเทคโนโลยีและองค์ความรู้ จะช่วยให้เราสามารถเอาชนะความท้าทายต่างๆ ในระดับโลกได้อย่างรวดเร็ว"
ด้านนายมาโกโตะ อูชิดะ ซีอีโอของนิสสัน ระบุว่า "การผนึกกำลังครั้งนี้จะนำไปสู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้มากกว่าที่แต่ละบริษัทจะทำได้เพียงลำพัง"
ผลกระทบและอนาคตของการควบรวม
การควบรวมกิจการของฮอนด้าและนิสสัน ไม่เพียงแต่จะช่วยลดต้นทุนการผลิตและการวิจัยและพัฒนา แต่ยังช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันกับผู้ผลิตรถยนต์จีนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดโลก อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีอัจฉริยะที่สอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านในอุตสาหกรรมยานยนต์
ทั้งนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเจรจาจะถูกเปิดเผยในช่วงกลางปี 2568 โดยมีเป้าหมายเพื่อเริ่มต้นการดำเนินการในปีถัดไป หากการควบรวมนี้สำเร็จ นี่จะเป็นหนึ่งในความร่วมมือครั้งสำคัญที่สุดของอุตสาหกรรมยานยนต์ในรอบหลายปีที่ผ่านมา