posttoday

กสทช.เตรียมยกระดับยืนยันตัวตนระบบไบโอเมตริกซ์ ป้องซิมผีลงทะเบียน

25 ธันวาคม 2567

กสทช.พล.ต.อ.ณัฐธร เผย เตรียมยกระดับการลงทะเบียนซิมผ่านระบบไบโอเมตริกซ์ หลังพบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้บัตรประชาชนปลอม 800 คนลงทะเบียนซิม

พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกฎหมายและประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ กล่าวว่า จากการตรวจสอบซิมการ์ดจำนวน 208,000 ซิมการ์ด ที่ตำรวจยึดได้จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนนั้น เบื้องต้นเป็นเบอร์เติมเงินทั้งหมด และ มีจำนวนประมาณ 800 ซิม พบว่าเป็นการลงทะเบียนแบบบุคคลธรรมดา ซึ่งใช้ชื่อและเลขที่บัตรประชาชนปลอม คาดว่าจะมาจากดีลเลอร์ที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญาการเป็นตัวแทนจำหน่ายซิมของผู้ให้บริการมือถือ โดยจะมีการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ 15 คน เพื่อตรวจสอบซิมการ์ดทั้งหมดให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช.มี แนวคิดที่จะเสนอประกาศ กสทช.ให้ใช้ระบบยืนยันตัวตนแบบไบโอเมตริกซ์ (Biometrics) หรือข้อมูลชีวภาพ ด้วยการสแกนใบหน้า และสแกนลายนิ้วมือเพื่อป้องกัน มิจฉาชีพฉวยโอกาสนำซิมการ์ดสร้างความเสียหายได้ง่าย โดยที่ผ่านมามีบางกรณี มีการใช้ภาพบุคคลทั่วไป หรือแม้กระทั่งรูปคนดัง แทนภาพจริง เกิดจากระบบที่ไม่มีการยืนยันตัวตนด้วยไบโอเมตริกซ์  ซึ่งผู้ให้บริการมือถือควรปรับปรุงระบบลงทะเบียนด้วยระบบไบโอแมทริกซ์ เพื่อยืนยันตัวตน ช่วยลดปัญหาการปลอมแปลงข้อมูล ซึ่งทางผู้ประกอบการควรดำเนินการเพื่อรับผิดชอบต่อสังคมจากที่ผ่านมา มีความกังวลจากผู้ประกอบการบางรายเกี่ยวกับต้นทุนในการปรับปรุงระบบ

พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน พบว่ามีลูกตู้ที่ขายมือถือและซิมการ์ดที่อยู่ตามห้างสรรรพสินค้า มีการจดทะเบียนในชื่อบุคคลเพียงคนเดียว แล้วนำไปโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นโดยไม่เปลี่ยนข้อมูลในระบบ หรือ นำซิมการ์ดที่จดทะเบียนในชื่อบุคคลเดิมเพื่อขายต่อโดยไม่แจ้งเปลี่ยนชื่อ ซึ่งถือว่าผิดกฎหมายตามมาตรา 11 ซึ่งได้ประสานทางตำรวจเร่งดำเนินการจับกุมและตรวจสอบการกระทำผิดอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ฉ้อโกงประชาชนยังคงเป็นปัญหาใหญ่ การดำเนินคดีในบางกรณีไม่สามารถทำได้ เนื่องจากตั้งฐานอยู่ในต่างประเทศ  กฎหมายไทยไม่สามารถไปบังคับใช้นอกราชอาณาจักรได้ หรือการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ทำได้เพียงผลักดันออกนอกประเทศแล้วขึ้นแบล็คลิสต์ เท่านั้น ยังไม่สามารถดำเนินคดีได้ ส่วนการยกระดับเป็นอาชญากรข้ามชาติ ก็ต้องมีขั้นตอนมาก จึงต้องอาศัยความร่วมมือระดับรัฐบาล และยกเป็นปัญหาระดับภูมิภาคที่ประเทศในอาเซียนต้องร่วมมือกัน