posttoday

"คลัง" เรียกถกด่วน รับมือทรัมป์เก็บภาษีตอบโต้ไทยสูง 36%

03 เมษายน 2568

จุลพันธ์ เตรียมเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถกด่วน หลังทรัมป์ประกาศเก็บภาษีตอบโต้ไทยสูงถึง 36% ห่วงผลกระทบเศรษฐกิจ เร่งหามาตรการรองรับและเจรจา

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้เตรียมเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด่วน หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศมาตรการเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) สำหรับสินค้าจากประเทศไทยในอัตราที่สูงถึง 36% ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งต่อเศรษฐกิจไทยและผู้ประกอบการในประเทศ

 

นายจุลพันธ์ ระบุว่า อัตราภาษี 36% ที่ออกมาเป็นตัวเลขที่สูงมากและอาจทำให้เกิดความกังวลต่อการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่การปรับภาษีจะไม่เป็นมาตรการที่ใช้กับสินค้าทุกประเภท แต่เป็นเพียงอัตราสูงสุดที่สามารถใช้ได้ ซึ่งคาดว่าอาจจะรวมค่าธรรมเนียมและค่าบริการต่างๆ ด้วย ดังนั้นจึงต้องมีการประเมินข้อมูลอย่างละเอียดก่อนที่จะดำเนินการใดๆ

เราไม่สามารถรีบร้อนในการออกมาตรการใดๆ ในขณะนี้ เนื่องจากเราจำเป็นต้องพิจารณาข้อมูลที่ละเอียดและผลกระทบในแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อให้มีการดำเนินการอย่างถูกต้องและรอบคอบ คงจะไม่ใช้มาตรการที่รุนแรง แต่จะเจรจากับสหรัฐฯ ด้วยความเข้าใจและพยายามหาทางปรับลดผลกระทบที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจในเรื่องนี้จะต้องผ่านกระบวนการเจรจาอย่างรอบคอบ เพื่อให้สหรัฐฯ เข้าใจว่า สินค้าชนิดใดที่อาจจะไม่เป็นธรรม และสามารถปรับแก้ได้อย่างไร โดยจะต้องพิจารณาผลกระทบต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการในไทยที่อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้

 

ในระหว่างที่รัฐบาลเตรียมตัวเพื่อเจรจาต่อรอง นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และเตรียมการประชุมร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการรองรับผลกระทบ และการหาทางเจรจากับสหรัฐฯ อย่างเหมาะสม

เราเชื่อว่าอัตราภาษีที่สูง 36% นี้ไม่น่าจะใช้ในทุกกรณี ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดของแต่ละผลิตภัณฑ์ โดยไม่สามารถยืนยันได้ว่าอัตรานี้จะใช้ในวงกว้างหรือไม่

นายจุลพันธ์ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลกระทบจากการปรับภาษีสูงนี้น่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจทั่วโลก และไม่เพียงแต่มีผลกระทบกับประเทศไทย แต่ก็ยังสามารถมองหาโอกาสในการปรับเปลี่ยนภาคการผลิตของประเทศไทย ซึ่งอาจสร้างประโยชน์ในแง่ของการแข่งขันทางการค้าได้ หากสามารถใช้ข้อได้เปรียบในด้านการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ