รัฐเร่งทำความเข้าใจสังคม สถานบันเทิงครบวงจร เรือธงกู้เศรษฐกิจ

24 เมษายน 2568

รัฐบาลไม่ถอยผลักดันร่างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เข้าสภา เร่งสร้างเข้าใจความในสังคมเป็นนโยบายเรือธงขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

กรณีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศเลื่อนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกไปในการประชุมสภาสมัยหน้า จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 9 เมษายน โดยให้เหตุผลถึงความจำเป็นในการเร่งแก้ไขปัญหาสำคัญระดับชาติ ทั้งกรณีแผ่นดินไหวและนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันหนักแน่นว่า การเลื่อนพิจารณาดังกล่าวไม่ใช่การถอนร่างกฎหมายตามที่มีกระแสคัดค้าน ตรงกันข้าม รัฐบาลยังคงให้ความสำคัญกับโครงการนี้อย่างยิ่ง เนื่องจากถือเป็นโครงการเรือธงที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตมากยิ่งขึ้น

ด้านนายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า สาเหตุสำคัญของการเลื่อนพิจารณามาจากการที่ประชาชนจำนวนมากยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความหมายของ "สถานบันเทิงครบวงจร" และรายละเอียดของร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว

ล่าสุด รัฐบาลยังคงเดินหน้าผลักดันโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง โดยก่อนที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาในสภา จะเร่งดำเนินการสร้างความเข้าใจกับภาคสังคมอย่างเข้มข้นในทุกรูปแบบ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับโครงการสถานบันเทิงครบวงจร

นายศึกษิษฏ์ เน้นย้ำว่า โครงการนี้มีเป้าหมายหลักในการพัฒนาเมืองและกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว มุ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนให้กับชุมชนและประเทศจึงไม่ใช่บ่อนการพนันถูกกฎหมายที่จะมอมเมาประชาชนแต่อย่างใด

ข้อเท็จจริงของโครงการนี้คือการลงทุนขนาดใหญ่ระดับ XXL มูลค่าโครงการละ 1 แสนล้านบาทขึ้นไป โดยจะใช้พื้นที่ค่อนข้างมาก ไม่ต่ำกว่า 300 ไร่ และเน้นการใช้พื้นที่หรือที่ดินของภาครัฐเป็นหลัก ซึ่งจะก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพ และส่งผลให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องขยายตัวอย่างยั่งยืนจากการลงทุนขนาดใหญ่

ทำเลที่ตั้งของโครงการจะเน้นพื้นที่ที่เชื่อมต่อกับระบบโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ มีการคมนาคมสะดวกสบาย เช่น รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง และตั้งอยู่ห่างจากสนามบินไม่เกิน 100 กิโลเมตร กลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรกำหนด

ภายในโครงการจะประกอบไปด้วย โรงแรมที่พัก ศูนย์การประชุม ศูนย์การค้า ศูนย์การแสดง และสนามกีฬาต่างๆ แบบครบวงจร เปรียบเสมือนการสร้างเมืองใหม่ โดยจะมีส่วนของกาสิโนเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ภายใต้การควบคุมทางกฎหมายอย่างเข้มงวด

เป็นที่ชัดเจนว่าประชาชนทั่วไปจะไม่สามารถเข้าใช้บริการได้อย่างอิสระ เนื่องจากจะมีเงื่อนไขด้านรายได้เข้ามาเกี่ยวข้อง สำหรับนักลงทุนที่สนใจ เท่าที่ปรากฏตามข่าวจะเป็นนักลงทุนต่างชาติที่มีประสบการณ์ 5-6 ราย ขณะนี้ยังไม่มีเอกชนรายใดเข้ามาเจรจากับภาครัฐอย่างเป็นทางการ รวมถึงยังไม่มีการกำหนดพื้นที่ตั้งโครงการที่ชัดเจน

ก่อนหน้านี้ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี สะท้อนถึงการขับเคลื่อนโครงการนี้ว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจรแล้ว รัฐบาลจะเดินหน้าผลักดันการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว หรือ Entertainment Complex โดยใช้โมเดลคล้ายกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวของไทยให้ก้าวสู่การเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก

นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องการเปลี่ยนมุมมองของสังคมที่มักเข้าใจผิดว่าโครงการนี้เน้นเรื่องกาสิโนเป็นหลัก แต่ในความเป็นจริง กาสิโนจะมีสัดส่วนเพียง 5% ของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น และเป้าหมายหลักคือการสร้างแหล่งท่องเที่ยวครบวงจรที่เหมาะสมสำหรับครอบครัว เช่นเดียวกับโมเดลที่ประสบความสำเร็จในสิงคโปร์ มาเก๊า และลาสเวกัส

ภายในโครงการจะประกอบด้วยโรงแรมระดับ 4-5 ดาว รวมกันไม่ต่ำกว่า 5,000 ห้อง ศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติ สนามกีฬาในร่มความจุ 10,000-16,000 ที่นั่ง คอนเสิร์ตฮอลล์มาตรฐานระดับโลก ศูนย์การค้าและร้านค้าปลอดภาษี สวนสนุก พื้นที่จัดแสดงศิลปะและวัฒนธรรม ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ และสถานที่จัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ

ขณะนี้มีบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก 6 ราย แสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน โดยผู้ที่จะเข้ามาลงทุนจะต้องมีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 10,000 ล้านบาท และต้องลงทุนไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท พร้อมทั้งมีประสบการณ์ในการบริหารสถานบันเทิงครบวงจรระดับนานาชาติ และมีแผนธุรกิจที่ครอบคลุม

สำหรับเกณฑ์การคัดเลือกพื้นที่เบื้องต้น จะต้องเป็นที่ดินของรัฐ มีขนาดไม่ต่ำกว่า 300 ไร่ มีระบบคมนาคมขนส่งและสาธารณูปโภคที่พร้อมใช้งาน ตั้งอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและระบบการเงิน

"ไทยต้องเร่งดำเนินการเพราะต้องแข่งขันกับโอซาก้าของญี่ปุ่นที่กำลังจะเปิด ผู้ประกอบการหลายรายมองว่าไทยมีศักยภาพสูงมาก เพราะมีความพร้อมด้านการท่องเที่ยวและโครงสร้างพื้นฐาน บางรายถึงกับบอกว่าไทยอาจสร้างอารีน่าขนาด 16,000 ที่นั่งได้ ซึ่งใหญ่กว่าที่อื่นที่ทำได้แค่ 12,000 ที่นั่ง" นพ.พรหมินทร์ กล่าว

สอดคล้องกับ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่เปิดเผยว่า รัฐบาลมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด ทั้งการป้องกันการฟอกเงิน การคุ้มครองผู้เล่นชาวไทยด้วยการเก็บค่าเข้า การจำกัดการเข้าใช้บริการ และระบบ Responsible Gaming ที่จะช่วยป้องกันปัญหาการพนัน

นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า หากโครงการนี้เกิดขึ้น จะช่วยยกระดับการท่องเที่ยวของไทย สร้างรายได้และการจ้างงาน รวมถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ โดยรัฐบาลจะดำเนินการด้วยความโปร่งใสและคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ รูปแบบการพัฒนาโครงการจะเป็นการลงทุนใหม่ทั้งหมด ไม่สามารถต่อยอดจากโครงการเดิมได้ เพื่อให้เกิดการลงทุนที่แท้จริง โดยจะเน้นการพัฒนาบนที่ดินของรัฐ และต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม รวมถึงอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน.

Thailand Web Stat