1 พ.ค. สมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมัน พบ กรมการค้าภายใน ดันนโยบาย B7
สมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมัน เตรียมพบ กรมการค้าภายใน ขอให้กลับมาใช้นโยบาย B7 ด้วยระดับราคา และ ผลผลิตที่เหมาะสม ฝ่าวิกฤตปาล์มล้นโรงงาน ราคาผลผลิตตกต่ำ
สมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า วันที่ 1 พ.ค. 2568 คณะสมดุลย์ฯ (โดยกรมการค้าภายใน) ขอนัดประชุม วาระเรื่องการผลักดัน B7 ด้วย โดยหวังว่าจะเป็นเรื่องด่วนเพราะขอนัดประชุมในวันหยุด
ทั้งนี้ที่ผ่านมา สมาคมฯได้มีหนังสือหาผู้บริหารกระทรวงพลังงานขอให้กลับมาใช้นโยบาย B7 ด้วยระดับราคา และ ผลผลิตที่เหมาะสม โดยส่งหนังสือไปแล้วเมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2568 ขณะที่สมาคมฯยังร่วมกับอีก 3 สมาคม เข้าไปพบสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) และได้ให้ข้อมูลที่ทำให้ภาครัฐเห็นด้วยว่าประเทศไทยจำเป็นต้องรักษาอุตสาหกรรมไบโอดีเซลไว้
ขณะนี้สมาคมฯกำลังร่างสรุปข้อมูล เพื่อนำเสนอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พื่อให้ท่านช่วยหารือกับ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน ต่อไป ตามคำแนะนำของ สศอ.
อย่างไรก็ตาม สมาคมฯได้นำเสนอสถานการณ์อุตสาหกรรมไบโอดีเซล และแนวทางการบริหารอุตสาหกรรมเพื่อให้ต้นทุนไบโอดีเซลเหมาะสม และยั่งยืนต่อเจ้าหน้าที่ สนพ. ซึ่งเจ้าหน้าที่เห็นด้วย หวังว่าทีม สนพ. จะช่วยกันผลักดันต่อผู้บริหารกระทรวงฯ ต่อไป
และล่าสุดเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2568 สมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดตรัง ได้รวมตัวยื่นหนังสือถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เพื่อขอให้แก้ไขปัญหาผลทะลายปาล์มล้นโรงงานและราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันตกต่ำในจังหวัดตรัง โดยมี พันจ่าโท อนันต์ บุญสำราญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นผู้รับหนังสือ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยตัวแทนสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดตรัง กล่าวว่า ในจังหวัดตรังมีเกษตรกรทำสวนปาล์มน้ำมันเป็นอาชีพหลักมากขึ้น จากการที่เกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่จากยางพารา ลองกอง หรือเงาะ เป็นปาล์มน้ำมันซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่า มีพื้นที่ปลูกประมาณ 500,000 ไร่ ทำให้มีผลผลิตเพิ่มขึ้นจำนวนมากทุกปี และในช่วงเดือนมีนาคม- มิถุนายนของทุกปีจะมีผลผลิตปาล์มน้ำมันมากเพิ่มทุกปี
ช่วงก่อนและหลังวันสงกรานต์มักเกิดภาวะปาล์มล้นโรงงานสกัด เกษตรกรตัดปาล์มส่งลายเทไม่ได้ ลานเทรับซื้อน้อยลงโดยแจ้งว่าลานเทส่งปาล์มเข้าโรงสกัดไม่ได้ ติดคิวนาน ทำให้ราคาที่เกษตรกรได้รับต่ำกว่าปกติที่ควรจะได้ ซึ่งเหตุการณ์จะเกิดขึ้นติดต่อกันมาทุกปี สร้างความเดือดร้อนในวงจรของอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันขณะนี้ได้มีดวิกฤติเช่นปีที่ผ่านมาลานปาล์ม-โรงสกัด อ้างปาล์มล้น หยุดรับซื้อ กระทบชาวสวนขายผลปาล์มไม่ได้ ราคาลดลง เหลือ 4.20 - 4.80 บาทต่อกิโลกรัมและคาดว่าแนวโน้มราคาจะลงต่อเนื่อง
ทำให้เกิดการสูญเสียในระบบห่วงโซ่การผลิตปาล์มน้ำมันคือ
1. เกษตรกรไม่สามารถขายผลผลิตได้ ขายได้ในราคาต่ำกว่าราคาที่เป็นธรรมและขายผลปาล์มได้ยากขึ้น ทำให้มีรายได้ต่ำ และเกิดความไม่มั่นคงในอาชีพทำสวนปาล์มของเกษตรกร
2. ลานเทไม่สามารถส่งผลปาล์มน้ำมันเข้าสู่โรงงานได้ ติดคิวนาน เกิน 2วัน ทำให้สูญเสียน้ำหนัก และคุณภาพผลปาล์มลดลง ผลักภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นกลับมาที่เกษตรกร
3.ผลปาล์มล้นโรงงาน สกัดไม่ทันทำให้คุณภาพผลปาล์มลดลง เปอร์เซ็นต์น้ำมันต่ำก็จะผลักภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นกลับมาที่เกษตรกรเช่นกันจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ทำให้เกิดข้อสงสัยในประเด็นปัญหาคือ 1. มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องความเดือดร้อนนี้ของเกษตรกรหรือไม่ 2.ปาล์มติดคิวส่งเข้าโรงสกัดไม่ได้เพราะอะไร 3. เปอร์เซ็นต์นำมันต่ำเพราะอะไร 4. ราคาต่ำเพราะเกิดจากการปั่นป่วนราคาในห่วงโซ่อุตสาหกรรมปาล์มหรือไม่