รีวิว : ภาพถ่ายใสกิ๊ง แคนนอน 60D
กล้องตัวนี้มีดีกว่ารุ่นเดิมอย่างไร เมื่อเทียบกับ 550D และ 50D รุ่นก่อนหน้านี้ ภาพสวยกว่าไหม บอดีเป็นอย่างไร จะทนกว่าดีกว่าหรือเปล่า คุ้มหรือไม่ที่จะเปลี่ยน...มาดูกัน!!!
กล้องตัวนี้มีดีกว่ารุ่นเดิมอย่างไร เมื่อเทียบกับ 550D และ 50D รุ่นก่อนหน้านี้ ภาพสวยกว่าไหม บอดีเป็นอย่างไร จะทนกว่าดีกว่าหรือเปล่า คุ้มหรือไม่ที่จะเปลี่ยน...มาดูกัน!!!
เรื่อง โยโมทาโร่
การมาของกล้อง 60D จากแคนนอนที่เข้าไทยไม่นานมานี้ เป็นการเปิดตัวกล้องที่เรียกได้ว่าสร้างกระแสคำถามให้กับคนเล่นกล้องหลายต่อหลายคำถามว่า กล้องตัวนี้มีดีกว่ารุ่นเดิมอย่างไร เมื่อเทียบกับ 550D และ 50D รุ่นก่อนหน้านี้ ภาพสวยกว่าไหม บอดีเป็นอย่างไร จะทนกว่าดีกว่าหรือเปล่า คุ้มหรือไม่ที่จะเปลี่ยน
การออกแบบ ความสามารถรวมทั้งลูกเล่นการปรับแต่งค่าต่างๆ มากมายที่ 60D จัดให้นั้น ดูเหมือนว่าแคนนอนเองพยายามทำให้กล้องตัวนี้ให้เป็นมิตรกับนักถ่ายภาพในระดับกึ่งโปรมากขึ้น กล่าวคือเป็นระดับนักถ่ายภาพที่ชอบการถ่ายภาพเวลาท่องเที่ยวส่วนตัว มีความรู้และฝืมือในการถ่ายในอีกระดับ และต้องการฟิลลิงการจับถือที่ให้ความมั่นใจเวลาใช้งาน ที่สำคัญก็คือ ราคาที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ที่มีความต้องการกล้องในระดับกึ่งโปร
ดังนั้น สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากในตัว 60D เมื่อเทียบกับ 50D ก็คือ บอดีภายนอกเปลี่ยนจากแมกนีเซียมอัลลอยเป็นพลาสติก โพลีคาร์บอเนต ที่มีความเหนียว แข็งแรง ทนความร้อนและสารเคมีได้ดี โดยโครงสร้างยังเป็นเหล็กอยู่ ส่งผลให้ตัวกล้องมีน้ำหนักเบาขึ้นเล็กน้อย แต่ยังให้ความรู้ถึงน้ำหนักและความแน่นกระชับถนัดมือมากกว่า 550D ที่จริงแล้วหากไม่ซีเรียสว่าตัวบอดีต้องเป็นแมกนีเซียมเท่านั้นถึงจะดูโปร 60D ก็ให้ความรู้สึกมั่นใจเวลาใช้งานได้ไม่ต่างกัน
ปุ่มปรับใช้งานมีการโยกย้าย ปุ่มเปิดปิดไปอยู่กับแป้นปรับโหมดแมนนวลและออโต จอยโยกปรับเลือกตั้งค่ามารวมเป็นแป้นกลมผนวกอยู่กับวงล้อมหัศจรรย์ ปุ่มไดเรกแอกเซสที่เข้าถึงการปรับตั้งพิกเจอร์สไตล์ และปุ่มปรับไวต์บาลานซ์หายไป สร้างความขัดเคืองใจให้กับบรรดามือโปรไม่น้อย ที่ต้องเข้าไปตั้งค่าในหน้าจอเมนูแทน แต่อันที่จริงแล้วถ้ามองในเรื่องกลุ่มเป้าหมาย ทั้งด้านราคาและการออกแบบก็ตอบโจทย์ได้ในระดับหนึ่ง
เพราะอย่างการทดสอบเราเองในการออกทริปเที่ยว หรือแม้แต่ในการทำงานข่าวเองก็ตาม แทบจะนับครั้งได้เลยว่ากล้องตัวนี้ต้องเข้าไปปรับไวต์บาลานซ์เองก่อนถ่ายภาพกี่ครั้ง สุดท้ายก็กลับไปใช้ออโตที่ให้แสงสีตรงกับสภาพแสงจริงมากกว่า ซึ่งกล้องรุ่นใหม่ๆ อย่าง 60D นี้ ระบบออโต้ไวต์บาลานซ์ทำออกมาได้ดีมาก
ส่วนพิกเจอร์สไตล์ ต้องยอมรับว่ามีความจำเป็นอยู่บ้างสำหรับช่างภาพหลายๆ คน ที่ต้องการสีสันบนภาพถ่ายในสไตล์ที่แต่ละคนชอบ แล้วมาปรับแต่งให้น้อยที่สุดภายหลัง
มาถึงจุดเด่นเฉพาะของกล้องรุ่นนี้กันบ้างก็คือ หน้าจอหมุนพับได้ เราได้ใช้งานบ้างบางเวลา ในจุดข้อต่อต่างๆ ดูแน่นหนาแข็งแรงไว้ใจได้ เวลาที่ไม่ได้ใช้ก็พับเก็บเอาหน้าจอแสดงผลเข้าไว้ข้างใน ซึ่งหน้าจอของ 60D ให้ความสว่างสดใสคมชัดดี แม้อยู่ใต้แสงแดดจัดๆ ก็ยังพอมองเห็นภาพได้ค่อนข้างชัดเจนอยู่
เพียงแต่ว่าภาพที่เห็นจากจอหลังกล้องและคอมพ์อาจมีผิดเพี้ยนไปบ้างเป็นเรื่องปกติ หากต้องการภาพที่สดใสเหมือนภาพที่เห็นหลังกล้อง ก็เพียงปรับคอนทราสต์ในคอมพ์ไม่กี่คลิกเท่านั้น ก็ได้ภาพสีสันสวยสมใจแล้ว
การโฟกัสของกล้องทำได้ค่อนข้างแม่นยำและรวดเร็วมาก เราทดลองกับเลนส์ 18-200 mm. เป็นเลนส์คิตในกล้องของแคนนอน ที่มีให้เลือกหลายช่วง ก็สามารถโฟกัสได้เข้าเป้าแม่นยำไม่มีหลุดหรือวืดวาด สามารถเล็งวัตถุในตำแหน่งต่างๆ ของภาพได้อย่างแม่นยำ ไม่มีหลุดแม้เพียงภาพเดียว เว้นแต่อยู่ในสถานที่ที่มีแสงน้อย และมีหลายวัตถุในฉากมากเกินไปเท่านั้น
สุดท้ายในเรื่องของแบตเตอรี่ต้องบอกว่ากล้องตัวนี้มีระบบการจัดการพลังงานได้ดีเยี่ยม เราเปิดปุ่มออนไว้เกือบตลอดวัน ตั้งค่าความละเอียดแบบ Jpeg ไว้ที่ 18 ล้านพิกเซล ไม่ใช้แฟลชภายใน กับเมมโมรีการ์ดขนาด 8 GB ภูมิอากาศตอนถายนั้นอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 10-14 องศา ถ่ายภาพแบบเน้นปริมาณไป 1,200 ภาพในหนึ่งวัน แบตเตอรี่ลดลงเพียงขีดเดียวจากทั้งหมด 4 ขีด แต่หากดูจากข้อมูลรายละเอียดแบตเตอรี่ในโปรแกรมของกล้องแล้ว จะพบว่าแบตเตอรี่จะเหลืออยู่ประมาณ 60 กว่าเปอร์เซ็นต์ ถ้าใช้ต่อจนแบตเตอรี่แสดงผลเหลือ 2 ขีด จะอยู่ที่ 35 เปอร์เซ็นต์ ถ้าถ่ายภาพจนแบตเตอรี่หมด น่าจะถ่ายได้ประมาณ 2,000 ภาพ หรือน้อยกว่านี้หากคุณใช้การบันทึกแบบ Raw ไฟล์
เมื่อนำไฟล์ภาพที่ออกมาดูบนหน้าจอนั้นจัดว่าคมชัดให้สีสันดูเป็นธรรมชาติ Noise ในภาพที่ ISO สูงในระดับ 3200 นั้นมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่โปรแกรมในกล้องยังสามารถเก็บรายละเอียดพื้นผิวได้ดี ในระดับที่สามารถนำไปใช้งานอัดภาพมาอวดเพื่อนๆ ได้อย่างไม่ขัดเขิน แต่ถ้าต้องการความมั่นใจที่สุดว่าจะใช้ได้ทั้งสีและผิววัตถุแล้วตั้ง ISO1600 รับรองผลความสบายใจ ส่วน ISO สูงสุดที่เป็นมาตรฐานกล้องตัวนี้จะอยู่ที่ 6400 และบู๊ตได้ที่ 12800 ซึ่งอันที่จริงแล้วก็สามารถใช้งานได้เหมือนกัน แต่รายละเอียดวัตถุและสีสันจะตกลงไปมาก เก็บไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินที่เราต้องการได้ภาพเหตุการณ์จริงๆ
60D จึงเป็นกล้องที่สามารถใช้งานเพื่อการท่องเที่ยว หรือใช้ในการทำงานของช่างภาพอาชีพได้เป็นอย่างดี ด้วยราคาและความสามารถในระดับสูงที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ทุนน้อยแต่มากฝีมือ แต่หากติดขัดแค่ตัวบอดีพลาสติกกับแมกนีเชียม ลองเปิดใจให้กว้าง ความสำคัญของการถ่ายภาพไม่ได้อยู่ที่กล้อง แต่อยู่ที่คนหลังกล้องต่างหาก แล้วคุณจะพบว่า 60D ตอบสนองการใช้งานได้อย่างคุ้มค่า
ความละเอียดภาพ 18 ล้านพิกเซล APS-C CMOS เซ็นเซอร์
ชิปประมวลผม DIGIC 4
ความไวแสงเซ็นเซอร์ ISO 100-6400, H:12800
ถ่ายภาพต่อเนื่อง 5.3 เฟรมต่อวินาที
รองรับหน่วยความจำ SD การ์ดเท่านั้น
บันทึกวิดีโอสูงสุดที่ความละเอียด 1080P
ระบบออโตโฟกัส 9 จุด แบบ cross type AF System
ระบบวัดแสง iFCL metering with 63-zone Dual-layer Sensor