KTB กำไร Q3/67 โต 8% แตะ 11,107 ล้าน ดัน 9 เดือนแรก กำไร 33,381 ล้าน โต 9.4%
KTB กวาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 กว่า 11,107 ล้านบาท โต 8% ส่งผลให้ 9 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 33,381 ล้านบาท โต 9.4% รับรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิและรายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ ขยายตัว รวมทั้งบริหารจัดการ Portfolio อย่างสมดุลและมีคุณภาพ
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร 11,107 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนพร้อม บริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างยืดหยุ่นและระมัดระวัง บริหารจัดการ Portfolio เพื่อรักษาสมดุลและมีคุณภาพ ส่งผลให้รายได้รวมจากการดำเนินงานขยายตัว 4.3%
ธนาคารบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ โดย Cost to Income ratio เท่ากับ 42.4% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระดับที่เหมาะสม
เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร ลดลง 0.8% ธนาคารเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีคุณภาพ ดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวังและรอบคอบ ให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินทรัพย์ รักษา Coverage ratio ในระดับสูงที่ 184.1% เพิ่มขึ้นจาก 181.3% ณ วันที่ 31 ธ.ค.2566
ทั้งนี้ สินเชื่ออยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา จากการบริหาร จัดการ Portfolio รักษาสมดุลด้านความเสี่ยงและผลตอบแทน แม้มีการชำระคืนของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่
ในขณะที่รายได้จากการดำเนินงานขยายตัวเล็กน้อย 2.8% บริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ Cost to Income ratio เท่ากับ 42.4% ธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระดับที่เหมาะสมใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา รองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ รวมถึงความท้าทายจากการขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างไม่ทั่วถึง
ทั้งนี้ มีสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 98,301 ล้านบาท ลดลง 1.1% จากสิ้นปี 2566 มี NPLs Ratio เท่ากับ 3.14%
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนของปี 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร 33,381 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน บริหารจัดการ Portfolio อย่างสมดุลและมีคุณภาพ กอปรกับการขยายตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิและรายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ ซึ่งรวมทั้งจากหนี้สูญรับคืน
ส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงานขยายตัว 9.9% ธนาคารได้มุ่งเน้นการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมี ประสิทธิภาพ โดยมี Cost to Income ratio เท่ากับ 42.5% ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจากบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายอย่างระมัดระวัง โดยธนาคารตั้งค่าเผื่อด้อยค่าทรัพย์สินรอการขายตามศักยภาพของทรัพย์สินอย่างเหมาะสม
อีกทั้งธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการขยายการลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีและดิจิทัล เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ครอบคลุมลูกค้าในทุกภาคส่วนและเพื่อพร้อมรับการเติบโตของอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคต ทั้งนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระดับที่เหมาะสมใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ
ณ 30 ก.ย.2567 ธนาคาร (งบเฉพาะธนาคาร) มีเงินกองทุนชั้นที่ 1.95% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความ เสี่ยง และมีเงินกองทุนทั้งสิ้น 20.97% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยงซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงมีสภาพคล่องในระดับที่เพียงพอโดยรักษาระดับของ Liquidity Coverage ratio (LCR) อย่างต่อเนื่อง สูงกว่าเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนด