posttoday

SET ฟื้นตัวได้ต่อ เทคนิครีบาวด์ เป้า 1,540-1,550 จุด

11 สิงหาคม 2566

SET ฟื้นตัวได้ต่อ รับสัญญาณรีบาวด์ทางเทคนิค การจัดตั้งรัฐบาลคืบหน้า และเงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัว หนุนเฟดไม่ขึ้นดอกเบี้ย เป้า 1,540-1,550 จุด กลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ CPALL และ OSP

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET ฟื้นตัวได้ต่อ จากสัญญาณรีบาวด์ทางเทคนิคและความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงเงินเฟ้อสหรัฐที่ชะลอตัว ทำให้ตลาดมองธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ขึ้นดอกเบี้ย ด้านแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1,540 และ 1,550 จุด ตามลำดับ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,520 และ 1,514 จุด ที่คาดยังรองรับได้ โดยหากไม่ต่ำกว่าดัชนียังอยู่ในช่วงฟื้นตัวได้อยู่

ทั้งนี้ มอง SET ยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ เนี่องจากรอความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และติดตามการเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 ของบริษัทจดทะเบียนไทย ในกลุ่ม Real Sector ท่ามกลางการคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อที่จะชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า 

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศของตลาดยังรอจับตาตัวเลขเศรษฐกิจจีนและสหรัฐต่างๆ รวมทั้งผลการดำเนินงานไตรมาส2/2566 ที่จะออกมา ชค่งคาดมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ช้าในช่วงครึ่งหลังปี 2566 กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ "Selective Buy" ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1) หุ้นที่คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 จะยังเติบโตได้ดี YoY และ QoQ เลือก ADVANC (Defensive) BEM (Defensive) GULF (ราคาต่ำกว่าก่อนเลือกตั้ง)

2) เก็งกำไรหุ้นที่คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 มีโอกาสดีกว่าตลาดคาด เลือก AOT (เป็นไตรมาสแรก กลับมาเก็บ minimum guarantee) MINT (NHH ประกาศงบเป็น record high) 

3) หุ้นที่งบไตรมาส 2/2566 ออกมาแล้ว และคาดงบจะดีต่อในช่วงไตรมาส 3/2566 เลือก SCGP (High Season ของธุรกิจบรรจุภัณฑ์)

ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับ 1) หุ้นที่คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 จะออกมาอ่อนแอและมีโอกาสตลาดจะปรับลดประมาณการ อาทิ กลุ่มอาหาร (TU CPF GFPT BTG) และกลุ่มหลักทรัพย์ (ASP, MST) 

และ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนิโญจากกำลังซื้อภาคเกษตรที่ลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์(GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนนํ้าตาลสูง) กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (CKP) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ CPALL ไตรมาส 2/2566 รายงานกำไร 4.4 พันล้านบาท (+48% YoY, +8% QoQ) สูงกว่าตลาดและเราคาด ขณะที่ไตรมาส 3/2566 คาคกำไรยังเติบโต YoY จากยอดขายและ มาร์จิ้นที่เติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีส่วนแบ่งกำไรจาก CPAXT ที่ดีขึ้น หลังดอกเบี้ยจ่ายลดจากรีไฟแนนช์หนี้เสร็จใน เม.ย.

OSP ไตรมาส 2/2566 กำไรออกมาตามเราคาด และอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น สูงสุดในรอบ 7 ไตรมาส ทั้งนี้ ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของส่วนแบ่งการตลาดและกำไรสุทธิในปี 2566 ที่คาดเติบโต 43.8%YoY และเติบโตต่อ 7.8%YoY ในปี 2567