posttoday

SAMART ผลงานครึ่งปีหลังบวกรับรัฐบาลใหม่ ธุรกิจลูกเสริมทัพแกร่ง

11 สิงหาคม 2566

SAMART ผลงานครึ่งปีหลังบวกรับรัฐบาลใหม่ บวก CATS เข้าไฮซีซั่นหนุนย้ำชัด SAV เข้าเทรดกันยายนนี้ พร้อมแจ้งรายได้ไตรมาส 2/66 ทำได้ 2,075 ล้านบาท กำไรพุ่ง 230%

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมีมุมมองที่เป็นบวก เพราะเชื่อมั่นว่าหลังการจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จจะก่อให้เกิดการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญๆ ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม เพื่อเร่งฟื้นฟูสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ แก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนโดยเร็ว   

ทั้งนี้บริษัทมีความพร้อมในการนำเสนอเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองนโยบายภาครัฐ ตลอดจนภาคเอกชนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการในยุคดิจิตอล ล่าสุด บมจ.สามารถเทลคอมจับมือกับ PowerSchool ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ระบบการศึกษาชั้นนำจากอเมริกา รุกธุรกิจ Digital Education Platform ซึ่งปัจจุบันมีโรงเรียนชั้นนำใช้บริการแล้ว

ส่วนธุรกิจที่คาดว่าจะมีรายได้เติบโตโดดเด่น คือ บริษัท แคมโบเดีย แอร์ทราฟฟิค เซอร์วิส จำกัด (CATS) ผู้ให้บริการวิทยุการบินในประเทศกัมพูชา ซึ่งในครึ่งปีแรก มีจำนวนเที่ยวบิน ทั้งที่บินขึ้น/ลง และบินผ่านประเทศกัมพูชารวม 45,127 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มจะเติบโตเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วง High Season ของฤดูการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ ด้วยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวในไทยจะส่งผลบวกต่อประมาณรายได้ของโครงการ Direct Coding หรือโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต สินค้าประเภทสุราแช่ ชนิดเบียร์ ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศ โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีรายได้ประมาณ 460 ล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่มียอดการผลิตสูงขึ้นจึงคาดว่าทั้งปี 2566 จะมีรายได้รวมถึง 900 ล้านบาท

ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยังมีความเคลื่อนไหวสำคัญในช่วงเดือนกันยายน คือการนำบริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน)  หรือ SAV เข้าเทรดใน ตลท. โดยจะมีการขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ไม่เกิน 224 ล้านหุ้น หรือไม่เกิน 35 เปอร์เซ็นต์ ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัท และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน คณะกรรมการบมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น ได้มีมติอนุมัตินำหุ้นสามัญที่บริษัทฯเป็นผู้ถือหุ้นใน บมจ.สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ (SAV) โดยถือหุ้นทางอ้อมผ่าน บริษัท สามารถ ยู-ทรานส์ จำกัด (SUT) ส่วนที่เหลือจากการติด Silent period ร้อยละ 55 และถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัท สามารถ อินเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (SIH) ทั้งจำนวน เข้าทำข้อตกลงกับผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เพื่องดการเสนอขายหรือโอนด้วยวิธีการใดๆ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม รวมทั้งไม่เข้าทำธุรกิจกรรมใดๆ ที่จะมีผลต่อความเป็นเจ้าของหุ้นของบริษัทฯ ที่ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ในช่วงระยะเลา 6 เดือนนับจากวันที่หุ้นของบริษัทฯเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันแรก

“บริษัทมั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจในปีนี้ จะมีการเติบโตที่ชัดเจนและคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน อีกทั้งการนำ SAV เข้า ตลท.ก็จะยิ่งสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและเพิ่มมูลค่าธุรกิจให้แก่กลุ่มสามารถ”

Q2 กำไร 26 ลบ.

สำหรับผลการดำเนินงานโดยรวมของกลุ่มสามารถมีทิศทางเป็นบวกอย่างชัดเจน สะท้อนจากอัตราการทำกำไรที่พลิกฟื้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยในไตรมาส 2/66 มีรายได้รวม 2,075 ล้านบาท มีกำไร 26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 236% เทียบ YoY และเพิ่มขึ้น 197% เมื่อเทียบกับ QoQ อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบรายได้รวมในรอบครึ่งปีแรกพบว่ามีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 12% โดยในครึ่งแรกของปีนี้ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 4,586 ล้านบาท

ผลงานเด่นรอบครึ่งปีแรกของกลุ่มสามารถ ประกอบด้วย สายธุรกิจ ICT คว้าโปรเจกเพิ่มหลายโครงการ อาทิ โครงการจากกระทรวงมหาดไทย , การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค , สำนักงบประมาณ เป็นต้น  ส่วนสายธุรกิจ U-trans โดย บริษัท ทรานเส็ค เพาเวอร์ เซอร์วิส ได้สัญญาก่อสร้างสถานีไฟฟ้า มูลค่า 276 ล้านบาท และบริษัทเทด้าได้สัญญาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงแก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) มูลค่ารวม 2,376  ล้านบาท ปัจจุบันมีมูลค่างานในมือที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจก่อสร้างสถานีไฟฟ้าและสายส่งไฟฟ้าประมาณ 4,000 ล้านบาท  

ปัจจุบันกลุ่มบริษัทสามารถ ประกอบด้วย 3 สายธุรกิจ ได้แก่ สายธุรกิจ Digital ICT Solution สายธุรกิจ Digital Communications สายธุรกิจ Utilities & Transportation และมี 3 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกอบด้วย บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น , บมจ.สามารถเทลคอม บมจ.สามารถดิจิตอล ส่วนบมจ.สามารถเอวิเอชั่น จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เร็วๆนี้