เหยื่อหุ้นกู้"STARK" รวมตัวนัดฟังไต่สวนคดีเรียกค่าเสียหาย9.2พันล้านบาท
ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายร่วมลงทุนหุ้นกู้ "STARK" นัดรวมตัวกันฟังการไต่สวนดำเนินคดีเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้บริหารและกรรมการ 9.2 พันล้านบาท
เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2566 ที่ด้านหน้าศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง กลุ่มผู้เสียหายจากการร่วมลงทุนหุ้นกู้ของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ "STARK" ได้มีการนัดรวมตัวกันเพื่อรับฟังการไต่สวนคำร้องการดำเนินคดีแบบกลุ่มกับนายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ผู้บริหารและกรรมการ ของ "STARK" กับพวกอีก 5 คน หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แลตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีการกล่าวโทษในความผิดฐาน"ชี้ชวนซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จหรือไม่เป็นความจริง ปกปิดข้อมูลอันเป็นสาระสำคัญ" จากนั้นกลุ่มผู้เสียหายได้ร้องต่อศาลแพ่ง กรุงเทพใต้ เพื่อเอาผิดต่อกรรมการและผู้บริหารบริษัทดังกล่าวให้ชดใช้ค่าเสียหาย จ่ายเงินลงทุนคืน ให้กับเจ้าหนี้ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นกู้ทุกคน มูลค่าความเสียหายกว่า 9,200 ล้านบาท
ที่ห้อง 501 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ นัดไต่สวนคำร้องการดำเนินคดีแบบกลุ่ม เพื่อพิจารณารับฟ้อง กรณีที่ร่วมกันยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับ กรรมการบริษัท STARK จำนวน 5 คน โดยการไต่สวนครั้งนี้ มีผู้เสียหายในคดีหุ้นกู้ STARK กว่า 200 คน นัดรวมตัวกันมารับฟังการไต่สวนด้วย แต่เนื่องด้วยมีผู้เสียหายจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่ศาลฯ จึงจัดพื้นที่ใช้ห้องประชุมชั้น 10 เพื่อรองรับผู้เสียหายที่มาร่วมฟังการไต่สวน แต่เนื่องด้วยวันนี้ศาลนัดพิจารณาหลายคดี และการไต่สวนคดี stark อยู่เป็นลำดับสุดท้าย โดยการไต่สวนได้เริ่มขึ้นนในเวลา 10 นาฬิกาเศษ
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นของกลุ่มผู้เสียหายก็คือ เดิมทีมีกลุ่มผู้เสียหายรวมตัวสร้างกลุ่มแอปพลิเคชันไลน์ได้ 5 กลุ่ม ซึ่งทุกกลุ่มมีความเห็นตรงกันว่าควรยื่นฟ้องสู้คดีเรียกค่าเสียหายกว่า 9,000 ล้านบาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นกว่า 4,500 คน ผู้เสียหายจึงตั้งทนายความยื่นฟ้องผู้บริหาร stark โดยวันนี้ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องเพื่อพิจารณาว่าจะรับฟ้องหรือไม่
ต่อมาเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2566 มีผู้เสียหายรายหนึ่ง มอบอำนาจให้บุตรชายไปร่วมฟ้องกับกลุ่มผู้เสียหายส่วนใหญ่ที่ยื่นฟ้องไปก่อนหน้านี้ จึงขอศาลว่าขอกลับไปพูดคุยหารือกับกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมดก่อน ทำให้กลุ่มผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่พอใจและไม่เห็นด้วยกับการเข้ามาร่วมฟ้องดังกล่าว เพราะยิ่งทำให้เสียเวลาในกระบวนการฟ้องร้อง ทั้งที่ผู้เสียหายส่วนใหญ่ได้หารือตกลงกันมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงไม่ทราบถึงเหตุผลที่แท้จริงของการร่วมฟ้องครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ทนายความจำเลยที่ 3 ขอเลื่อนการไต่สวน โดยให้เหตุผลว่า เพิ่งได้รับคำร้อง จึงจอขยายระยะเวลายื่นคำคัดค้าน แบะทนายความจำเลยที่ 5 ได้ให้ตัวแทนมายื่นหนังสือต่อศาลขอให้เลื่อนการไต่สวนมูลฟ้องออกไป เนื่องจากไม่สะดวกเดินทางมาร่วมไต่สวนที่ศาลในวันนี้ได้ เนื่องจากติดว่าความคดีที่ศาลจังหวัดสมุทรสาคร
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า จากการที่มีผู้ผู้เสียหายคัดค้าน ทำให้การฟ้องร้องยังไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน จึงให้ผู้เสียหายไปหารือพูดคุยกันก่อน หากฝ่ายที่เพิ่งเขามาขอร่วมฟ้องแทรก หากไม่มี่นใจที่จะฟ้องร่วมกับผู้เสียหายรายอื่น ก็สามารถแยกไปฟ้องเองได้ ศาลจึงให้เลื่อนการไต่สวนไป เป็นวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ เวลา 09.00 น.
นายจิณณะ แย้มอ่วม ทนายความของผู้เสียหายในคดีหุ้น stark เปิดเผยว่า การฟ้องร้องคดีแบบกลุ่มจะแตกต่างจากคดีสามัญทั่วไป โดยศาลจะพิจารณาว่าจะรับการฟ้องร้องเป็นกลุ่มก่อน แล้วจึงจะพิจารณาว่าจะรับฟ้องแพ่งหรือไม่ต่อไป โดยทีมกฎหมายได้ยื่นคำร้องฟ้องแพ่งไปพร้อมกับคำร้องที่ขอให้ศาลรับฟ้องเป็นคดีแบบกลุ่ม ซึ่งจะครอบคลุมถึงผู้เสียหายทั้งหมดกว่า 4,000 คนรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 9,000 ล้านบาท
ส่วนการที่มีผู้เสียหายมาแทรกร่วมฟ้อง ก็ยินดีที่จะแบ่งปันข้อมูลกัน เพื่อร่วมกันฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย แต่อยากให้คำนึงหลักการสำคัญของการสู้คดีนี้ว่า จะต้องร่วมมือกัน อย่าไปเพิ่มขั้นตอนที่อาจส่งผลให้การสู้คดีมีความล่าช้า เพราะผู้เสียหายทุกคนต่างก็เดือดร้อน ซึ่งเห็นด้วยกับศาลว่าหากผู้ที่มาแทรกร่วมฟ้อง ไม่มั่นใจทีมทนายความชุดนี้ ก็สามารถแยกไปฟ้องเองได้ ซึ่งเป็นสิทธิ์ตามกฏหมายอยู่แล้ว