posttoday

5 โบรกผ่าเกม "PTTEP" ชี้ชัด Q3วูบ Q4ฟื้น จังหวะซื้อ-ถือ-ถอย ?

06 ตุลาคม 2566

โบรกประสานเสียง "PTTEP" ไตรมาส 3/66 ต้นทุนพุ่ง แหล่งก๊าซบงกช - B8 ปิดซ่อมบำรุง ส่วนไตรมาส 4/66 กลับมาดี พร้อมเคาะกรอบราคาเป้าหมาย 175 - 200 บาท

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น "PTTEP" วันนี้(6 ต.ค.66) ณ เวลา 11.43 น. อยู่ที่ 161.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง โดยราคาขึ้นสูงสุด 162 บาท และลดลงต่ำสุด 161 บาท

 

Q3 ขาดทุนพิเศษ

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่ากำไรสุทธิของ "บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP" ในไตรมาส 3/66 จะอยู่ที่ 1.91 หมื่นล้านบาท (-21%yoy, -9%qoq)โดยกำไรที่ลดลง yoy จะเป็นเพราะราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงมาอยู่ที่ US$86.7/bbl (-10% yoy) ขณะที่กำไรที่ลดลง qoq จะเป็นเพราะมีผลขาดทุนพิเศษ 2.1 พันล้านบาท (ขาดทุนจากอนุพันธ์ 700 ล้านบาท, ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 360 ล้านบาท และต้นทุนการปรับรายการภาษีที่มาเลเซีย 1.1 พันล้านบาท)

     อีกทั้ง ต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้น(+8% qoq)มากกว่าราคาขายเฉลี่ย(+7%qoq) เราคาดว่าปริมาณยอดขายจะอยู่ที่ 467KBOED เพิ่มขึ้น 5%qoq เนื่องจากเริ่มมีการจัดส่งน้ำมันดิบจาก PDO และ Oman Block 61 ขณะที่โครงการ Sabah K เปิดดำเนินการเต็มไตรมาสหลังจากที่ปิดซ่อมบำรุงไปนาน 1.5 เดือนในไตรมาส 2/66 เราคาดว่า ASP จะเพิ่มขึ้นเป็นUS$49.1/bbl (+7% qoq) เนื่องจากราคน้ำมันดิบดูไบสูงขึ้น (+11% qoq) ขณะที่คาดว่าต้นทุนต่อหน่วยจะเพิ่มขึ้น 8% qoq เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีการปิดซ่อมบำรุง G2/61 บางส่วน (32 วัน), มีการเพิ่มการผลิตที่ G1/61 และ สัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลวสูงขึ้น (30%)

อัพการผลิตเอราวัณ 1 เม.ย.67

     ถึงแม้จะมีการเลื่อนกำหนดเพิ่มการผลิตเป็น 600mmscfd ภายในสิ้นปี 66 แต่บริษัทยังคงคาดว่าจะเพิ่มการผลิตได้ตามเป้า 800mmscfd ภายในวันที่ 1 เมษายน 2567 เราคาดว่าปริมาณยอดขายในปี 66 จะไม่ถูกกระทบจากการเลื่อนกำหนดเพิ่มการผลิต เพราะ PTTEP มีการเพิ่มการผลิตที่แหล่งบงกช (G2/61) ควบคู่ไปด้วยในช่วงที่ทำการเพิ่มการผลิตที่แหล่งเอราวัณ

     ฝ่ายฯยังคงคำแนะนำซื้อ PTTEP โดยประเมินราคาเป้าหมาย DCF กลางปี 67 ที่ 196 บาท เราคาดว่าปริมาณยอดขายในไตรมาส 4/66 จะเพิ่มขึ้น qoq จากการเปิดดำเนินการเต็มที่ของโครงการ G2/61 เรามองว่าราคาน้ำมันดิบที่ย่อลงมาในช่วงนี้เป็นประเด็นระยะสั้นเท่านั้น เพราะอุปทานยังตึงตัวจากการที่ OPEC+ คงนโยบายการผลิตเอาไว้เหมือนเดิม

     ขณะที่ซาอุดิ อาระเบีย และรัสเซียจะลดการผลิตโดยสมัครใจไปจนถึงสิ้นปี 66 เรามองว่าความเสี่ยงด้าน downside ของประมาณการกำไรปี 66 ของเราอยู่ที่ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ในโครงการ LNG ที่โมซัมบิกถ้าหากมีการปรับแผนของโครงการ

 

จับตา"โมซัมบิก"

     บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) แนะนำ TRADING ราคาเหมาะสมใหม่ 175 บาท คาดกำไรปกติ 3Q66 อยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท +7% QoQ จากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ทั้งนี้ กำไรสุทธิคาดทำได้ 1.9 หมื่นล้านบาท -7% QoQ จากขาดทุน FX – Hedging, ต้นทุนสูงขึ้น, และปัญหาการผลิต ส่วนเทียบกับ 3Q65 ลดลง -19% YoY จากฐานสูงช่วงวิกฤตพลังงานรัสเซีย vs ยูเครน

     ปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2567-2569 ขึ้นเป็น US$65-75/bbl และปรับกำไรสุทธิปี 2566-2567 ขึ้น 10-18% เป็น 7.9 หมื่นล้านบาท และ 7.3 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ

     ส่วนแนวโน้ม 4Q66 กำไรปกติประคองตัวระดับ 1.9 หมื่นล้านบาท แต่ต้องติดตามความคืบหน้าการเข้าพื้นที่ก่อสร้างโครงการโมซัมบิก กรณีล่าช้าเกินกว่าต้นปี 2567 จะเป็นความเสี่ยงต่อแผน COD และการด้อยค่าสินทรัพย์ใน 4Q66 (ยังไม่รวมในประมาณการ) 

     ในระยะสั้น ราคาหุ้นถูกกดดันจากราคาน้ำมันปรับฐานด้วยความกังวลปัจจัยมหภาค อย่างไรก็ตาม อุปทานช่วงที่เหลือของปียังตึงตัว กรณีภาวะตลาดกลับสู่ภาวะปกติ สามารถเก็งกำไรตามโอกาสฟื้นตัวของราคาน้ำมัน

 

Q3 ย่อ Q4 ฟื้น

     บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 67 ที่ 175 บาท คาด 3Q66 กำไรอ่อนตัว เนื่องจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายพิเศษเพิ่มขึ้น ทำให้โดยรวมกำไรลดลง โดยที่ 1) ปริมาณขายกลับมาเพิ่มขึ้น 5% จาก 445 KBOED ใน 2Q66 เป็น 467 KBOED จากโครงการต่างประเทศ ได้แก่ Oman Block 61, PDO และในไทยปริมาณขายเพิ่มขึ้นจากโครงการ G1 (เอราวัณ) 

     2) ราคาขายก๊าซธรรมชาติคาดทรงตัวจากไตรมาส 2 ที่ 5.8 USD/MMBTU 3) ด้านราคาขายน้ำมันดิบจะค่อนข้างต่ำกว่าน้ำมันดิบดูไบมากกว่าปกติเนื่องจากบางโครงการมี time lag จากน้ำมันดิบดูไบที่ปรับขึ้นแรง 4) ต้นทุนต่อหน่วยคาดว่าเพิ่มขึ้นมาที่ 28-29 USD/bbl ตามการปิดซ่อมที่เพิ่มขึ้นของแต่ละโครงการ นอกจากนี้ คาดขาดทุน FX และ Hedging ประมาณ 1,000 ลบ. รวมถึงขาดทุนรายการพิเศษด้านภาษีประมาณ 1,100 ลบ.

     ส่วนในไตรมาส 4/66 คาดผลประกอบการดีขึ้นจากราคาขายที่จะกลับมาได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นในช่วง 3Q66 เนื่องจากบางโครงการมี time lag จากน้ำมันดิบดูไบประมาณ 2 เดือน รวมถึงปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากโครงการ G2 (บงกช) ที่จะดำเนินการเต็มไตรมาสจากที่มีช่วงปิดซ่อมใน 3Q66

 

บงกช - B8 เริ่มผลิต 

      บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี คงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายเดิม 189 บาท เราคาดว่าปริมาณการขายก๊าซจะฟื้นตัวในไตรมาส 4/66 จากแหล่งก๊าซบงกช และ B8 ที่กลับมาเริ่มผลิตหลังหยุดการผลิตในไตรมาส 3/66 คาดว่าคาขายเฉลี่ยของ PTTEP จะเพิ่มขึ้น 2% hoh ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นจะช่วยชดเชยราคาก๊าซที่ลดลง 
 
 

น้ำมันฟื้นกำไรดี

     บล.ยูโอบีเคย์เฮียน แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 200 บาท (ราคาเป้าหมายเดิมที่ 182 บาท) เราคาดว่ากำไรหลักในไตรมาส 3/66 จะทรงตัว qoq แม้ราคาและปริมาณการขายจะสูงขึ้น แต่ถูกชดเชยด้วยต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน เราคาดว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 3/66 จะลดลง qoq จากการขาดทุนของรายการพิเศษ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มของราคาน้ำมันดิบในช่วงที่เหลือของปี ส่งผลให้เราปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 66 ที่ 18% และปี 2024 ที่ 10%