ระวังพัก! หวังเม็ดเงิน TESG สร้างปรากฎการณ์ Window Dressing
หุ้นไทยติดต้าน 1,410 จุด โบรกมองโอกาสเกิด Window Dressing เม็ดเงิน TESG Fund เพิ่มขึ้น ลุ้นเป้าหลัก 1,415 - 1,420 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายวันนี้(21 ธ.ค.66) อยู่ที่ 1,404.84 จุด เพิ่มขึ้น 4.47 จุด คิดเป็น +0.32% มูลค่าการซื้อขาย 38,760.88 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,407.87 จุด และลดลงต่ำสุด 1,394.28 จุด
5 หุ้นซื้อขายสูงสุด ดังนี้
1. PTT ปิดที่ 35 บาท ลดลง 0.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,535,016.60 ล้านบาท
2. PTTGC ปิดที่ 37.75 บาท ลดลง 2.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,720,479.15 ล้านบาท
3. DELTA ปิดที่ 91 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,603,288.75 ล้านบาท
4. AOT ปิดที่ 60.50 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,493,172.73 ล้านบาท
5. BDMS ปิดที่ 26 บาท ราคาปิดไม่เปลี่ยนแปลง 1,274,495.90 ล้านบาท
ลุ้นต้าน 1410-1415
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า SET Index ภาพในรายชั่วโมง ดัชนีเริ่มทำ High ใหม่ไม่ได้ ก่อนจะแกว่งตัวแคบลงเรื่อยๆ ด้าน MACD ตัดลงต่ำกว่าเส้น Signal ซึ่งเป็นจุดที่มีโอกาสปรับตัวลงมากกว่า สอดรับกับ RSI ที่เกิด Bearish Divergence กับดัชนีระวังดัชนีอาจจะพักลงมาที่เส้น EMA200 ที่บริเวณ 1390 - 1395 จุด ถ้าภาพรวมยังยืนเหนือ 1385 จุดได้ โอกาสขึ้นไปต่อก็ยังมีโดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1410-1415 จุด
กลยุทธ์การลงทุนวันพรุ่งนี้(21 ธ.ค.66) ทางฝ่ายแนะนำเลื่อน Trailing Stop ของดัชนีมาที่ 1385 จุด และรอจังหวะซื้อที่แนวรับในหุ้นที่เริ่มมีสัญญาณกลับตัวชัดเจน
โดยหุ้นทางเทคนิคแนะนำหุ้น TTB ภาพรายวัน ราคาแกว่งตัว Sideways ออกข้าง สร้างฐานที่แนวรับเส้น EMA200 ที่บริเวณ 1.55 บาท แล้วเกิดแท่ง Bullish Bar Breakout ทะลุกรอบสะสมขึ้นมา สอดรับกับ MACD ที่ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal มองเป็นจุดกลับตัว และยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ระยะสั้นอาจเห็นราคารีบาวด์ไปทดสอบแนวต้าน High ก่อนหน้าที่ 1.65 บาท
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนหุ้นไทยวันพรุ่งนี้(22 ธ.ค.66) แนะนำ Buy on Breakout กรอบสะสมที่ 1.60 บาท แนวรับ 1.58 บาท แนวต้าน 1.65 / 1.70 บาท STOP LOSS หากหลุดต่ำกว่า 1.55 บาท
SISB ภาพรายวัน หลังราคา Breakout เส้น Trend Line ใหญ่ขึ้นมา ก็ยก Higher High และ Higher Low สูงขึ้น พร้อมกับ MACD ในแดนบวกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องและแข็งแกร่ง ด้าน RSI จ่อแตะโซน Overbought ใกล้ยืนยันการทำ High ใหม่ และบ่งบอกว่าแนวโน้มขาขึ้นกลับมาแข็งแกร่งมองแนวต้านถัดไปที่ 38 - 39 บาท
กลยุทธ์การลงทุน Buy on Breakout High ก่อนหน้าที่ 35 บาท แนวรับ 34 บาท แนวต้าน 38 / 39 บาท STOP LOSS หากหลุดต่ำกว่า 32.50 บาท
KCE ภาพรายวัน ราคาพักตัวครบสามขา A-B-C ในรูปแบบ Flat Pattern โดยคลื่นใหม่กำลังยกตัวขึ้นและมีสัญญาณการ Breakout ขึ้นมา ด้าน RSI พุ่งขึ้นจ่อแตะโซน Overbought และ MACD มีอัตราเร่งแดนบวกเพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง ราคามีโอกาสไปทดสอบแนวต้าน High ก่อนหน้าบริเวณ 58.50 - 60 บาท
กลยุทธ์การลงทุนBuy on Dip ที่แนวรับ 54 บาท แนวรับ 54 บาท แนวต้าน 58.50 / 60 บาท STOP LOSS หากหลุดต่ำกว่า 53 บาท
เป้าหลัก 1415-1420
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า รอรายงานตัวเลข PCE YoY ของสหรัฐฯศุกร์นี้ ตลาดคาด Headline PCE เดือน พ.ย. จะชะลอตัวลงเหลือ 2.8%YoY จาก 3%YoY ในเดือน ต.ค. ซึ่งเป้าหมายเงินเฟ้อของ FED คือ 2% สิ่งที่ตลาดฯกังวล คือ หากตัวเลขเงินเฟ้อชะลอตัวช้ากว่าที่ตลาดประเมิน อาจส่งผลให้ FED คงดอกเบี้ยระดับสูงนาน สวนทางกับที่ FEDWatch Tool ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 73.3% ที่จะลดดอกเบี้ยในเดือน มี.ค.67 รวมทั้ง FED อาจปรับลดดอกเบี้ยถึง 6 ครั้ง เป็นบวกต่อ Fund Flow ที่มีโอกาสไหลกลับมาที่ตลาดหุ้นไทย ซึ่งซื้อขาย PE23 ที่ 14.05 เท่า
โดยคาด SET INDEX ติดแนวต้าน 1408-1410 จุด ขณะที่รอบหลักคงเป้าหมาย 1415-1420 จุด ตามโอกาสเกิด Window Dressing จากเม็ดเงิน TESG Fund ที่เริ่มเข้ามามากขึ้น กลุ่มโรงไฟฟ้า Laggard ราคายังขึ้นไม่มาก เช่น GPSC BGRIM GUNKUL เริ่มทะลุกรอบ Sideways ราคามีแนวโน้มบวกน่าสนใจ
ขณะที่ Easy E-Receipt เริ่มใช้ 1 ม.ค. - 15 ก.พ.67 สร้างเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ 7 หมื่นล้านบาท กระตุ้นสัดส่วนต่อ GDP 0.18% เป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก ห้าง เช่น CPALL CRC HMPRO GLOBAL DOHOME CPN COM7 SYNEX SIS