posttoday

โยกซ้ายโยกขวา! "GPSC" อัดฉีด 1,275 ลบ.ส่งลูกซื้อหุ้น "GRP" บ.ย่อย PTT

21 ธันวาคม 2566

อย่า งง! ปรากฎการณ์ปรับโครงสร้าง เงินย้ายกระเป๋า "GPSC" ส่ง "GRSC"บริษัทย่อยซื้อกิจการ "โกลบอล รีนิวเอเบิล เพาเวอร์(GRP)" จาก "PTTGM" บริษัทย่อยของ "PTT" มูลค่า 1,275 ล้านบาท

     นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 14/2566 เมื่อวันที่ 11ธันวาคม 2566 ได้มีมติอนุมัติให้ "บริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล ซินเนอร์ยี่ จำกัด (GRSC)" ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมดร้อยละ 100 เข้าซื้อหุ้นสามัญของ "บริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล เพาเวอร์ จำกัด (GRP) ซึ่งประกอบธุรกิจลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในและต่างประเทศ จาก "บริษัท ปตท. โกลบอล แมนเนจเมนท์ จำกัด (PTTGM)" ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ "บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT" จำนวน 10,007,500 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นท้ังหมดของ GRP (“หุ้นที่ซื้อขาย”)โดยมีมูลค่าการซื้อหุ้นรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,275 ล้านบาท (“ธุรกรรมการซื้อขายหุ้น”) ซึ่งภายหลังจากการเข้าทำธุรกรรมการซื้อขายหุ้นดังกล่าวจาก PTTGM จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นใน GRP ของกลุ่มบริษัทฯทั้งทางตรงและทางอ้อมรวมเป็นร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียนของ GRP

     การเข้าทำธุรกรรมการซื้อหุ้น GRP ดังกล่าวเป็นการปรับโครงสร้างธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ซึ่งสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของกลุ่ม ปตท. ในการสนับสนุนบริษัทฯ ในฐานะแกนนำในการดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปโภคของกลุ่ม ปตท. (PTT Group’s Power Flagship)และเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานสะอาดทั้งในและต่างประเทศ โดยการปรับโครงสร้างในครั้งนี้เป็นการรวมความพร้อมทางด้านบุคลากรทรัพยากร ความเชี่ยวชาญ รวมถึงเพิ่มความคล่องตัวในการลงทุนซึ่งทำให้เกิดประสิทธิภาพ และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้กลุ่ม ปตท. บรรลุเป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ 15,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573

     ทั้งนี้ GRSC จะเข้าทำธุรกรรมการซื้อขายหุ้นดังกล่าวได้ก็ต่อเมื่อเงื่อนไขบังคับก่อนตามที่คู่สัญญาตกลงกันนั้นสำเร็จครบถ้วน อาทิ หน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาอนุญาตให้ GRSC เข้าซื้อหุ้นที่ซื้อขายจาก PTTGM เป็นต้น โดยบริษัทฯ คาดว่าธุรกรรมการซื้อขายหุ้นดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2567 ซึ่งภายหลังจากธุรกรรมการซื้อขายหุ้นเสร็จสิ้น GRP และบริษัทย่อยของ GRP จะมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ

     อนึ่ง ธุรกรรมการซื้อขายหุ้นข้างต้นเข้าข่ายเป็น “รายการที่เกี่ยวโยงกัน” ประเภทรายการเกี่ยวกับสินทรัพย์หรือบริการ ตามประกาศคณะกรรมการก ากับตลาดทุนที่ทจ. 21/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการเกี่ยวโยงกัน พ.ศ.2546 (รวมแก้ไขเพิ่มเติม) (รวมเรียกว่า“ประกาศรายการที่เกี่ยวโยงกัน”) โดยเมื่อคำนวณขนาดรายการ (รวมรายการที่เกิดขึ้นในระหว่าง 6 เดือน ก่อนวันที่มีการตกลงเข้าทำรายการ) แล้วมีขนาดรายการเกินกว่าร้อยละ 0.03 แต่ไม่เกินร้อยละ 3 ของมูลค่าสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิ(NTA) ของบริษัทฯอ้างอิงจากงบการเงินรวมฉบับสอบทานของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2566

     ดังนั้น บริษัทฯจึงไม่มีหน้าที่ตองขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ แต่มีหน้าที่ต้องขออนุมัติการเข้าทำรายการจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ และเปิดเผยรายการดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ตามประกาศรายการที่เกี่ยวโยงกัน

     นอกจากนี้ ธุรกรรมการซื้อขายหุ้นยังเข้าข่ายเป็น“รายการได้มาซึ่งสินทรัพย์”ของบริษัทตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ. 2547 (รวมแก้ไขเพิ่มเติม)(รวมเรียกว่า “ประกาศรายการได้มาจำหน่ายไป”) แต่เมื่อคำนวณขนาดรายการ(รวมรายการที่เกิดขึ้นในระหว่าง 6 เดือน ก่อนวันที่มีการตกลงเข้าทำรายการ) ตามงบการเงินรวมฉบับสอบทานของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 แล้ว มีขนาดรายการต่ำกว่าร้อยละ 15 ดังนั้น บริษัทจึงไม่มีหน้าที่ต้องจัดทา และเปิดเผยสารสนเทศเกี่ยวกับการเข้าทำรายการดังกล่าวตามประกาศรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่อย่างใด