posttoday

เจาะเกมครึ่งหลัง “WHA” จ่ออัพเป้ายอดขายที่ดินพุ่งรับย้ายฐานลงทุน

13 สิงหาคม 2567

“จรีพร จารุกรสกุล” ปลื้ม “โลจิสติกส์-นิคมอุตสาหกรรม-สาธารณูปโภคและพลังงาน-ดิจิทัล”แกร่ง เล็งปรับเป้ายอดขายที่ดินใหม่ สยายปีกรองรับนักลงทุนจ่อย้ายฐานลงทุนและการผลิตเข้าไทยต่อเนื่อง หลังอวดงบไตรมาส 2/67 กำไรสุทธิ 1,289 ล้านบาท

     นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า แนวโน้มกลุ่ม 4 ธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 โดย "ธุรกิจโลจิสติกส์" ความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้าหรือโรงงานคุณภาพสูงที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าหลายราย ซึ่งในไตรมาส 2/2567 ที่ผ่านมา บริษัทได้รับการคัดเลือก(award)จากกลุ่มลูกค้าผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ชั้นนำ และบริษัทผู้ผลิตหรือจัดจำหน่ายสินค้าตกแต่งและซ่อมแซมบ้านที่มีความต้องการเช่าคลังสินค้าพื้นที่รวมกว่า 63,000 ตร.ม. คาดว่าจะลงนามในสัญญาเช่าพื้นที่กับลูกค้าได้เร็วๆนี้

     โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม. 23 โปรเจกต์ที่ 3 หลังจากเปิดตัวได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้า อาทิ ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ รวมทั้งผู้ให้บริการด้านการออกแบบและผลิตสื่อโฆษณาที่ได้แสดงความสนใจจองหรือลงนามในสัญญาเช่าพื้นที่เพิ่มรวมกว่า 26,100 ตร.ม. นอกจากนี้โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม.23 (ขาเข้า) มีบริษัทผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ แสดงความสนใจเช่าพื้นที่คลังสินค้าประมาณ 24,000 ตร.ม. อยู่ระหว่างเตรียมเซ็นสัญญาเช่า 

     ส่วนแผนการขายทรัพย์สินหรือสิทธิการเช่าทรัพย์สินปี 2567 ล่าสุดผู้ถือหน่วยกองทรัสต์ WHAIR อนุมัติการลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 5 มูลค่าไม่เกิน 1,065 ล้านบาท จำนวน 4 โครงการ คิดเป็นพื้นที่เช่ารวมประมาณ 40,172 ตร.ม. คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/2567 นี้

     "ในช่วงครึ่งแรกของปี67มีการลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงานหรือคลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่มเติมรวม33,699 ตร.ม.และมีสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูงจำนวน 88,344ตร.ม.ส่งผลให้มีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารรวม 2,988,762ตร.ม. โดยไตรมาส2และ6เดือนแรกของปี67บริษัทรับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจให้เช่ายานยนต์ไฟฟ้ารวม343ล้านบาทและ 640ล้านบาทตามลำดับ
     ส่วนความคืบหน้าของโครงการGreen Logisticsที่บริษัทได้มีการจัดตั้งบริษัท โมบิลิกส์ จำกัดแบรนด์ที่ให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรที่ครอบคลุมตั้งแต่การให้บริการรถขนส่งไฟฟ้าเชิงพาณิชย์บริการติดตั้งระบบชาร์จ สถานีชาร์จพร้อมด้วย Mobilix Platformแพลตฟอร์มที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ให้แก่ลูกค้า ณ สิ้นไตรมาส 2/67มีลูกค้าภาคธุรกิจเซ็นสัญญาเช่าซื้อยานยนต์ไฟฟ้าแล้วกว่า280คัน"

 

     เล็งปรับเป้ายอดขายเพิ่ม

     "ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม" ในช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มการเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยเฉพาะธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยได้รับอานิสงส์จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทำให้เกิดกระแสการย้ายฐานการลงทุนและการผลิตมายังไทยมากขึ้น ประกอบกับราคาขายที่ดินเฉลี่ยที่ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยภายในสิ้นปี 2567 นี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินได้มากกว่าเป้าหมายการขายที่ดินที่ได้ประกาศไว้เมื่อต้นปี 2567 ที่จำนวน 2,275 ไร่ และอยู่ระหว่างการเตรียมแผนการปรับเป้าหมายการขายที่ดินของปีนี้ใหม่ ซึ่งจะประกาศออกมาในเร็วๆนี้ 

     ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนามทั้งหมด 77,600 ไร่ โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการในประเทศไทย จำนวน 12 แห่ง และยังมีโครงการขยายหรือพัฒนานิคมฯ ใหม่ 7 โครงการ บนพื้นที่รวมกว่า 9,430 ไร่ ส่งผลให้บริษัทจะมีพื้นที่นิคมฯ รวมกว่า 52,650 ไร่ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า สำหรับโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 5 (3,400 ไร่) ซึ่งอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาต บริษัทคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในไตรมาส 1/2568 และมีพื้นที่พร้อมขายภายในไตรมาส 2/2568 

     สำหรับประเทศเวียดนาม มีการเปิดดำเนินการเขตอุตสาหกรรมแล้ว ซึ่งมีพื้นที่ในการพัฒนารวม 22,815 ไร่ (3,650 เฮกตาร์) ประกอบด้วยเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 – เหงะอาน ที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 2 – เหงะอาน เฟส 1A/1B และเฟส 2 พื้นที่รวม 1,600 ไร่ (250 เฮกตาร์) ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติใบอนุญาตสำหรับโครงการสำหรับเฟส 1A/1B พื้นที่ 1,200 ไร่ (189 เฮกตาร์) ภายในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายเขตอุตสาหกรรมใหม่อีก 3 โครงการในจังหวัด Thanh Hoa และ Quang Nam เป็นพื้นที่รวมกว่า 9,690 ไร่ (1,550 เฮกตาร์)

     “ครึ่งปีแรก มียอดขายที่ดินรวม 1,042ไร่(ไทย 979ไร่/เวียดนาม 63 ไร่)และมียอดเซ็น MOUรวม 756ไร่(ไทย 714 ไร่/เวียดนาม 43 ไร่)ในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567บริษัทรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น 1,460 ล้านบาท และ 3,587 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้ยอดการโอนที่ดินครึ่งปีแรกที่เติบโตมากกว่า 65%เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากการย้ายฐานการลงทุน และการผลิตมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 2/67 บริษัทมียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์(Backlog)ให้กับลูกค้ากว่า 879ไร่(ไทย 871 ไร่/เวียดนาม 8ไร่)
     ยอดขายที่ดินในไตรมาส 2/2567 นี้ ส่วนหนึ่งมาจากการลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินกับบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของโลกที่มีแผนการก่อสร้างโรงงานผลิตเซลล์แบตเตอรี่ บนพื้นที่ดินกว่า 100 ไร่ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าในไทย ตอกย้ำการเป็นจุดหมายด้านการผลิตและการลงทุนของภูมิภาคที่สำคัญของอุตสาหกรรมใหม่ๆ อย่างยานยนต์ไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี”

     3Q67 ขายน้ำต่อเนื่อง 

     "ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ)" ปริมาณการจำหน่ายน้ำภายในประเทศ บริษัทลงนามสัญญาขายน้ำประปาเอกชนกับการประปาส่วนภูมิภาค ปริมาณ 2.6 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยให้บริการในพื้นที่การประปาส่วนภูมิภาคสาขาหนองแค จังหวัดสระบุรี และคาดว่าจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 3/2567

     นอกจากนี้ บริษัทได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูงกับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ในโครงการผลิตน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง ปริมาณ 3.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เพื่อใช้ภายในโรงงาน GC ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 3/2567 เช่นกัน

     บริษัทสามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจสาธารณูปโภครวมในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567 เท่ากับ 761 ล้านบาท และ 1,531 ล้านบาท โดยมีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมสำหรับไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567 รวมเท่ากับ 43.1 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 83.9 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ

     ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายน้ำภายในประเทศในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 34.0 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 66.5 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากการเติบโตขึ้นของปริมาณยอดจำหน่ายน้ำทุกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม จากความต้องการใช้น้ำของลูกค้าใหม่ๆ ที่ทยอยเปิดดำเนินการณ์เชิงพาณิชย์ในช่วงไตรมาส 3/2566 และในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา 

     ส่วนปริมาณยอดขายและบริหารน้ำในประเทศเวียดนามในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567 ปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้มียอดจำหน่ายน้ำรวมตามสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับ 9.1 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 17.3 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากยอดขายและการบริหารน้ำของโครงการ Duong River ที่เติบโตต่อเนื่องจากการขยายพื้นที่การให้บริการและปริมาณความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ ส่งผลให้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 39.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจำนวน 12.3 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

     PPA อีก 40 เมกะวัตต์

     "ธุรกิจไฟฟ้า" โครงการที่บริษัทได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานให้ได้สิทธิ์เป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed in Tariff เฟส 1 จำนวน 5 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์ ปัจจุบันได้ลงนามในสัญญาเสร็จสิ้นแล้ว 4 โครงการ จำนวน 85 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA)ในส่วนที่เหลืออีก 1 โครงการ จำนวน 40 เมกะวัตต์ได้ภายในไตรมาส 3/2567 กำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในช่วงปี 2572-2573

     ทั้งนี้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากการดำเนินงานจากการลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทร่วมค้าไม่นับรวมกำไรหรือขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนและรายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567 เท่ากับ 302 ล้านบาท และ 654 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้ารวมปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติของโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วันที่ลดลง ผลจากการรับรู้การบันทึกต้นทุนถ่านหินที่สูงในไตรมาสที่ผ่านมา และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ที่ลดลงจากการหยุดซ่อมบำรุงของลูกค้ากลุ่มโรงไฟฟ้า Gulf TS2 และ TS3

     สำหรับธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไตรมาส 2/2567 บริษัทได้ลงนามในสัญญาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่ม 12 สัญญา แบ่งเป็นโครงการ Private PPA 11 สัญญา กำลังการผลิตประมาณ 13 เมกะวัตต์ และ โครงการ EPC Service 1 สัญญา กำลังการผลิตรวม 1 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 บริษัทมีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสม 256 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 932 เมกะวัตต์ ซึ่งแบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้วจำนวน 682 เมกะวัตต์และที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 250 เมกะวัตต์

     ทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล

     "ธุรกิจดิจิทัล" บริษัทเดินหน้ายกระดับองค์กรในทุกมิติเพื่อก้าวสู่การเป็น Technology Company ในปี 2567 ภายใต้ภารกิจ Mission To The Sun (MTTS) โดยมุ่งทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล การสร้างผลิตภัณฑ์และมูลค่าเพิ่มใหม่ๆ พร้อมเสริมศักยภาพทางธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยโครงการที่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ โครงการ Green Logistics ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา Mobilix Platform ที่รวมบริการต่างๆตั้งแต่การบริหารยานพาหนะ(Fleet Management) การวางแผนเส้นทาง(Route Optimization) ไปจนถึงการเชื่อมโยงโครงข่ายสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า 

     และเมื่อเร็วๆนี้บริษัทได้ร่วมมือกับ Voltality แพลตฟอร์มอีโรมมิ่งชั้นนำที่เชื่อมต่อผู้ให้บริการจุดชาร์จกับผู้ให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับ Datakrew ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์แบตเตอรี่ EV แบบ Real Time ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า(EV Ecosystem)ของบริษัท และบริษัทยังคงเดินหน้าผลักดันโครงการ AI Transformation ที่นำเทคโนโลยี AI มาเสริมศักยภาพทางธุรกิจในทุกด้าน ล่าสุดได้มีการพัฒนา Generative AI ให้มีการประมวลผลด้วย AI model ตัวล่าสุด GPT-4o สามารถประมวลผลได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ ไฟล์เอกสาร ไฟล์เสียง และยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างปลอดภัย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานไปพร้อมๆกัน

     ครึ่งปีแรกกำไรพุ่ง 91%  

     "WHA Group" รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2567 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 3,343 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,289 ล้านบาท โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 3,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% และกำไรปกติ 1,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

     สำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 2567 บริษัทมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 7,273 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,653 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หากพิจารณาถึงผลประกอบการปกติ บริษัทมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 7,080 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% และกำไรปกติ 2,549 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอัตราการเติบโตดังกล่าวสะท้อนศักยภาพการเติบโต 4 กลุ่มธุรกิจ ทั้งโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

 

     โบรกเชียร์ WHA

     ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ยอดขายที่ดิน 1H67 ทำได้ราว 1,042 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 46 ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ (2,275 ไร่ ประกอบด้วย ไทย : 1650 ไร่ , เวียดนำม 625 ไร่) โอกาสสูงที่ WHA จะทำได้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ นอกจากนี้คาดว่าจะมีที่ดินขนาดใหญ่(bigticket)ขนาด 400 ไร่ จำนวน 2 แปลง โดยคาดว่าจะเข้ามาช่วง 3Q67 - 4Q67 ได้ 1 แปลง และเข้ามาช่วง 4Q67 - 2568 ได้อีก 1 แปลง ส่งผลให้มีการปรับเป้าการขายที่ดินขึ้นในช่วงเดือน ส.ค. - ก.ย. และเป็นการดันราคาขายที่ดินเพิ่มอีกราวๆ 5% จากงวด 1H67

     อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยยังคงมีความกังวลจากการโอนที่ดินเวียดนามที่ล่าช้า เนื่องจากอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลเวียดนาม รวมถึงยอดขายและยอดโอนที่ดินที่มาจากโครงการ IER เนื่องจากเป็นโครงการร่วมทุน ส่งผลให้รับรู้กำไรเข้ามาได้ 60% ตามสัดส่วนการถือครอง

     เศรษฐกิจจีนที่ซบเซาหนุนให้ธุรกิจจีนหันมาลงทุนนอกประเทศมากขึ้นซึ่งไทยและเวียดนามได้รับอานิสงส์จากเหตุการณ์ดังกล่าวประกอบกับปี 2567 มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯหาก Donald Trump สามารถหวนคืนสู่ประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ได้อีกครั้ง จะส่งผลให้เกิดภาวะสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน (trade war) เหมือนที่เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี สมัยที่ 1 หนุนให้เกิดการย้ายฐานการผลิตจากจีนเข้าสู่ภูมิภาคอาเซียนต่อเนื่อง ฝ่ายวิจัยยังคงให้น้ำหนักกับปัจจัยที่เกิดขึ้นในระยะสั้น ได้แก่ ยอดขายและยอดโอนที่ดินที่มาจากโครงการ IER ที่รับรู้กำไรได้เพียง 60% และการจัดตั้งกอง REIT ที่ไม่เป็นไปตามแผน 

     ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสม WHA อิง Historical PER 10 ปีย้อนหลัง อยู่ที่ 20 เท่า ราคาเหมาะสม 6.30 บาท แม้ upside เปิดกว้าง 21% แต่ยังให้คำแนะนำเป็น Neutral ทางเทคนิคราคาหุ้น Sideways Up มองแนวรับ 4.90 บาท และแนวต้าน 5.40 / 5.65 บาท

     บล.ยูโอบีเคย์เฮียน แนะนำซื้อ WHA ราคาเป้าหมายที่ 6 บาท รายงานกำไร 2Q24 ที่ 1.3 พันล้านลบาท ซึ่งสูงกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์และตลาดคาด 11% และ 32% ตามลำดับ จากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่สูงกว่าคาด ด้านรายได้ปรับลดลงทั้ง yoy และ qoq โดยหลักจากธุรกิจ IE จากยอดโอนที่ดินที่ต่ำลง ฝ่ายวิเคราะห์คาดรายได้ใน 2H24 จะยังถูกกดดันจาก sharing ของ IRPC อย่างไรก็ตามคาดจะสามารถชดเชยได้ด้วยส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วม