posttoday

PTT พลิกเกมล่าท้าวิกฤติ เปิดรับพันธมิตรเสริมธุรกิจยกกลุ่ม

20 สิงหาคม 2567

"ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง" กางแผนใหม่ PTT เดินหน้าธุรกิจหลัก ลดขนาดสินทรัพย์ไม่ทำกำไร เพิ่มศักยภาพธุรกิจ Hydrocarbon พร้อมเปิดรับพันธมิตรเสริมแกร่งกลุ่ม ปตท.

     โจทย์สำคัญของธุรกิจแบบเก่าที่อยู่มานาน ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของประเทศ อย่าง "บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT" จึงต้องเร่งปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์เพื่อก้าวให้ทันกับโลกการแข่งขันและเทคโนโลยีใหม่ๆ พร้อมเปิดรับความหลากหลายของธุรกิจแห่งอนาคต ที่สำคัญต้องบริหารต้นทุนและลดขนาดสินทรัพย์ที่ไม่ทำกำไร รวมถึงเปิดรับพันธมิตรเข้ามาเสริมแกร่ง 

"การสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน เดินหน้าพลังงานสะอาด ลดการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์คือสิ่งที่เราต้องดำเนินการ พร้อมกับการเปิดกว้างให้กับพันธมิตรหรือพาร์ทเนอร์ใหม่ๆเข้ามาเสริมแกร่งธุรกิจในกลุ่ม ปตท. ด้วยหลักการคือ ปตท.ไม่จำเป็นต้องถือหุ้นเท่าเดิม แต่ต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มบริษัท"ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT

     ธุรกิจเรือธง ?

     ปตท. แข็งแรงร่วมกับสังคมไทยและเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน โดยเร่งสร้างความแข็งแรงและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในธุรกิจ Hydrocarbon ที่เป็นธุรกิจหลัก ซึ่ง ปตท. ถือว่าทำได้ดี แต่จะทำแบบเดิมไม่ได้ ต้องทำควบคู่กับการลดก๊าซเรือนกระจกและต้องปรับตัวพร้อมรับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

     โดยธุรกิจ ต้นน้ำ และ พลังงาน จะต้องเร่งขยายแหล่งสำรวจและผลิต ร่วมกับพันธมิตรมีต้นทุนที่แข่งขันได้ รวมถึงการผลักดันการพัฒนาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชา (OCA) เพื่อช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ ส่วนงธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าจะต้องเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและเป็นธุรกิจที่ลดการเกิดคาร์บอนให้กับกลุ่ม ปตท.

     ขณะที่ ธุรกิจปลายน้ำต้องปรับตัวและสร้างความแข็งแรงร่วมกับพันธมิตร เพื่อแสวงหาโอกาสสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกันเพิ่มเติม ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรเพื่อเปิดกว้างให้เข้ามาลงทุน ไม่ว่าจะเป็นเข้ามาถือหุ้น หรือ ซื้อหุ้นเพิ่มทุน ทั้งของ TOP , IRPC และ PTTGC

     ด้านธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีก เดินหน้า Mobilty Partner ของคนไทย ทั้งการปรับพอร์ตการลงทุน และ ใช้โมเดลธุรกิจที่ลดการถือครองทรัพย์สิน (Asset Light) รวมถึงรักษาการเป็นผู้นำตลาด ควบคู่ธุรกิจ Non-Hydrocarbon โดยประเมินธุรกิจนี้ใน 2 มุม คือ 1.ธุรกิจต้องมีความน่าสนใจ และ 2.ปตท. มีจุดแข็ง สามารถเข้าไปต่อยอดในธุรกิจนั้นๆได้และมีพันธมิตรที่แข็งแรง

     แนวทางการลงทุนในธุรกิจ Non-Hydrocarbon ดังนี้คือ

     1. ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ EV ปตท. จะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจบรรจุกระแสไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะต้องมีการควบรวมแบรนด์ต่างๆ ภายใต้กลุ่ม ปตท. และใช้ OR Ecosystem ที่มีอยู่ทั่วประเทศให้เป็นประโยชน์

     "เบื้องต้นบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาว่าจะลงทุนโรงงานประกอบรถไฟฟ้า(EV) และโรงงานแบตเตอรี่หรือไม่ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป หาก ปตท.ตัดสินใจไม่เดินหน้าโครงการดังกล่าว อาจทบทวนการลงทุนหรือลดสัดส่วนการถือหุ้นให้กับพันธมิตร"

     2. ธุรกิจ Logistics ปตท. จะเน้นเฉพาะธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกับ Core Business ของ ปตท. โดยยึดหลัก Asset-light และมีพันธมิตรที่แข็งแรง

     และ 3. ธุรกิจ Life Science ปตท. จะต้องสามารถพึ่งตัวเองได้ทางการเงิน และสร้างคุณค่าให้กับสังคม

     ผลงานครึ่งปีหลัง

     แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี2567หากพิจารณา PTTEP มาร์จิ้นถือว่าใกล้เคียงหรือลดลง จากทิศทางน้ำมันลดลง แต่วอลุ่มดีขึ้น Pool Gas ยังเหมือนเดิม อยู่ระหว่างการศึกษากับเรกูเลเตอร์และกระทรวงพลังงาน ด้าน PTTGC อาจจะยังไม่สู้ดี ด้วยสินค้าจีนเข้ามาตีตลาดไทยจึงส่งผลกระทบทางอ้อมต่อลูกค้าที่นำเม็ดพลาสติกไปทำเป็นสินค้าสำเร็จรูปเกิดการแข่งขันรุนแรงจึงส่งผลทางอ้อมต่อเราเช่นกัน ขณะที่ OR แนวโน้มน่าจะทรงตัว ส่วน อินโนบิก นูทริชั่น ถ้ามีโอกาสสามารถเข้าตลาดหุ้นไทยในอนาคตถือเป็นเรื่องที่ดี

PTT พลิกเกมล่าท้าวิกฤติ เปิดรับพันธมิตรเสริมธุรกิจยกกลุ่ม

     สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2567 ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 64,437 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,475 ล้านบาท หรือ 34.4% เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2566 เนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยจากธุรกิจการกลั่นที่มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่จากกำไรสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจปิโตรเคมีมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากปริมาณขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยปรับลดลง ประกอบกับมีการรับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนและการจำหน่ายสินทรัพย์เพิ่มขึ้น ขณะที่มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้น

     กลุ่ม ปตท. มุ่งสู่การเติบโตขององค์กรระดับโลกอย่างยั่งยืน โดยเป็นกำไรจากธุรกิจ Hydrocarbon 92% และธุรกิจ Non-Hydrocarbon  8% โดยคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2567 ที่ 0.80 บาทต่อหุ้น เมื่อรวมกับภาษีเงินได้ ปตท. และบริษัทในเครือ นำเงินส่งรัฐรวม 35,684 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ ยังมีส่วนร่วมบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตด้านราคาพลังงาน ตั้งแต่ปี 2563 ในวงเงินกว่า 24,000 ล้านบาท เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน