posttoday

SET อัพไซด์จำกัด สะท้อนลดดอกเบี้ยแล้ว แนะ “Selective Buy” ชู GPSC และ AAV

22 สิงหาคม 2567

SET อัพไซด์จำกัด สะท้อนตลาดคาดเฟดลดดอกเบี้ยแล้ว ระวังแรงขายทำกำไร กลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ GPSC และ AAV

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า รายงานประชุมเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. ก่อนการประชุม Jackson Hole วันศุกร์นี้ ซึ่งตลาดคาดเฟดจะลด ดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% จํานวน 3 ครั้ง ในช่วงที่เหลือของปี ทำให้หากเป็นไปตามนี้ มองดัชนีขึ้นสะท้อนแล้ว ดังนั้นให้ระวังแรงขายทำกำไร และคาดดัชนีมี Upside จำกัดที่แนวต้าน 1,345-1,350 จุด ส่วนแนวรับ อยู่ที่ 1,325-1,330 จุด 

ทั้งนี้ ช่วงสั้นมอง SET จะยังผันผวน ระหว่างรอการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อทราบถึงนโยบายเศรษฐกิจและนโยบายการบริหารประเทศ อย่างไรก็ดี ประเมินจุดตั้งรับสำหรับการเข้าซื้อจะอยู่ที่บริเวณ 1,280 จุด ขณะที่ตัวเลข PMI ส.ค. ของอียูและสหรัฐ ที่จะประกาศออกมา คาดยังอ่อนแอ ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดมองถึงการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด สอดคล้องกับรายงานการประชุมเฟด ส่วนการประชุม กนง. มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.5% ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy“ ใน 4 ธีมหลัก ดังนี้

1) หุ้นกลุ่ม Earnings Play ซึ่งมีโมเมนตัมกำไรยังดี โดยไตรมาส 3/2567 คาดเติบโต YoY และ QoQ ส่วนครึ่งหลังปี 2567 คาดเติบโต HoH และ YoY อีกทั้ง Valuation ไม่แพง เลือก DELTA GULF TU BTG BDMS TRUE BEM

2) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและต้องการสร้างกระแสเงินสดในพอร์ต แนะนำหุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะสั้น เลือก BCP TU ซึ่งคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรครึ่งแรกปี 2567 โดยให้ Div. Yield 2%

3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาท และลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว เลือก ADVANC AOT BDMS BBL CPALL KTB GULF

4) ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว จากความไม่สงบในตะวันออกกลางที่รุนแรงมากขึ้น และยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้ยต้น อย่าง PTTEP

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ GPSC มองมีปัจจัยบวกระยะสั้นจาก Bond Yield และราคาก๊าซที่ปรับตัวลง ขณะที่ปี 2567 คาดกำไรปกติอยู่ที่ 4.58 พันล้านบาท เติบโต 33.8%YoY และจะเติบโตต่อเนื่องอีก 16.3%YoY ในปี 2568 ปัจจัยหนุนจากส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นหลังมีกำลังการผลิตติดตั้งที่สูงขึ้นในอินเดียและไต้หวัน

AAV มองน่าจะได้ประโยชน์ในระยะสั้นจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินที่ลดลง ทำให้คาดไตรมาส 3/2567 คาดกำไรปกติจะดีขึ้นYoY และ QoQ ขณะที่ปี 2567 คาดจะพลิกมีกำไรปกติที่ 3.0 พันล้านบาท จากขาดทุนปกติ 206 ล้านบาท ในปี 2566 และจากนั้นจะกลับสู่ภาวะปกติ โดยจะเติบโต 7%YoY ในปี 2568