ขุนคลังสั่งการ"ก.ล.ต.-ตลท.-ปปง."งัดกฎหมายเข้มฟันหุ้นโกง ฟื้นเชื่อมั่น
"พิชัย ชุณหวชิร" นำทีม "ต.ล.ท.-ก.ล.ต.-ปปง." ยกกระดับความร่วมมือด้านกฎหมายฟื้นความเชื่อมั่น ลดระยะเวลาตรวจสอบ แก้กฎหมายเพิ่มอำนาจฟันหุ้นปั่นหุ้นโกง ขุนคลังชี้สัญญาณเชื่อมั่นดีสะท้อนภาพดัชนีหุ้นไทยตั้งทรงสวย
ในที่สุด การผนึกกำลังของหน่วยงานตลาดทุนไทยครั้งสำคัญจึงเกิดขึ้น! ในวันนี้(26 ส.ค.2567) ทั้ง 3 หน่วยงานตลาดทุน คือ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) , สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ร่วมลงนามบันทึกความตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือ เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ อันเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
หัวใจสำคัญคือ "ฟื้นความเชื่อมั่น"
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรงการคลังเดินหน้าฟื้นความเชื่อมั่นของตลาดทุนไทยอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน ทั้ง ก.ล.ต. , ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ปปง. เพื่อทำให้กระบวนการทำงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในตลาดทุนเกิดความรวดเร็วขึ้น เพื่อไม่สร้างความเสียหายให้เกิดแก่ผู้ลงทุนและกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนในตลาดทุนไทย
และการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจไทย และมาตรการต่างๆฟื้นกลับมาแล้วนั้น ยังมาจากความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนในการที่หน่วยงานต่างๆร่วมมือกันตรวจสอบและเร่งดำเนินการกับผู้กระทำความผิดที่สามารถเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยฟื้นกลับมา กระทรวงการคลังหวังว่าจากนี้จะเห็นทิศทางของตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
"ผมดีใจที่จิ๊กซอร์ตลาดทุนแต่ละตัวมาร่วมมือกันฟื้นความเชื่อมั่น และการที่ดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้นสร้างความมั่งคั่งให้กับคนไทยและนักลงทุนได้ ดัชนีที่ระดับ 1,800 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) 22 - 23 พันล้านบาท ปัจจุบันดัชนีหุ้นไทยอยู่แถว 1,300 จุด Market Cap ที่ 1.2 - 1.3 พันล้านบาท ซึ่งการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นทุก 100 จุดจะสร้างรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท และหากปรับขึ้น 200 จุด ทำรายได้ 2.5 ล้านล้านบาท"
ขายกองทุนวายุภักษ์ไม่เกินต้น ต.ค.นี้
ความคืบหน้าของการเสนอขายกองทุนวายุภักษ์ ทางกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมและมีการสำรวจความต้องการของกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งได้มีการพูดคุยกับสถาบันการเงิน ธนาคารพาณิชย์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาพิจารณาในรูปแบบการเสนอขายให้เหมาะสม คาดว่าจะเสนอขายกองทุนฯได้ภายในช่วงปลายเดือน ก.ย. หรือ ต้น เดือน ต.ค.2567นี้
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ไม่กังวลว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมาก เนื่องจากสถานการณ์ไม่รุนแรงเหมือนปีพ.ศ.2554 และไม่ได้ขยายวงกว้างไปยังพื้นที่เศรษฐกิจหลัก ตนมั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถบริหารจัดการได้ รวมถึงกระทรวงการคลังเตรียมหารือกับธนาคารของรัฐในการออกแพ็คเกจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ตลอดจนการบรรเทาผลกระทบ หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายลง.
ด้านเงินบาทที่กลับมาแข็งค่านั้น มองว่าเป็นไปตามภาวะตลาดการเงินโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ค่าเงินบาทจะแข็งค่าและอ่อนค่าตามปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้นในโลก และไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกแต่อย่างใด และปัจจุบันปริมาณ และราคาสินค้าส่งออก ยังอยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่อง
ลดขั้นตอน ฟันผู้กระทำผิดได้เร็ว!
ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวเช่นกันว่า ความร่วมมือระหว่าง 3 องค์กร ทั้ง ปปง. , ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ มีเรื่องที่เห็นความสำคัญตรงกันนั่นก็คือ "การดำเนินการสร้างความเชื่อมั่นของตลาดทุนให้กลับคืนมา" ตลาดหลักทรัพย์ฯไม่ได้นิ่งนอนใจกับสถานการณ์และบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ได้ประสานความร่วมมือกับทุกฝ่ายทุกภาคส่วนเพื่อหามาตรการในการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
ในเรื่องระยะเวลาการดำเนินการกับผู้กระทำความผิดเป็นเรื่องหนึ่งที่หน่วยงานจะสามารถเร่งดำเนินการได้ โดยการลดความซ้ำซ้อนในกระบวนการทำงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย โดยการแชร์ข้อมูลระหว่างหน่วยงานได้โดยรวดเร็ว และไม่ต้องทำข้อมูลซ้ำๆเหมือนในอดีต เพื่อลดระยะเวลาในการตรวจสอบและการบังคับใช้กฎหมายได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่สำคัญมาก คือ กระบวนการบังคับใช้กฎหมายที่ ปปง.ให้ความร่วมมือ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในคดีที่่มีผลกระทบต่อสังคมและผู้ลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งผมเชื่อว่าหากดำเนินการแล้วจะสร้างความเชื่อมั่นกลับมาได้ และป้องปรามผู้ที่คิดจะกระทำความผิดเกิดความเกรงกลัว
"ความร่วมมือในวันนี้ เพื่อประสานความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งจะเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้สามารถดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำความผิดได้อย่างรวดเร็วและเข้มข้นมากขึ้น"
ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียนในช่วงที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเพื่อป้องปรามและสนับสนุนให้มีการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำความผิดอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่มีต่อตลาดทุนไทย
"ตลาดหลักทรัพย์ฯ เชื่อมั่นว่าการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนำไปสู่การเสริมสร้างความเข้มแข็งของตลาดทุนไทยได้อย่างยั่งยืนต่อไป"
ต้องดีกว่าเดิม!
ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ประธานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ตลาดทุนเป็นศูนย์กลางในการระดมทุนจากประชาชนซึ่งเป็นผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก อาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในตลาดทุน นอกจากจะสร้างความเสียหายต่อผู้ลงทุนโดยตรงแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมอีกด้วย ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาพบคดีใหญ่ๆเกิดขึ้นในตลาดทุนหลายคดี มูลค่าความเสียหายจำนวนมากและมีผลกระทบในวงกว้าง
ดังนั้นปัจจัยสำคัญที่จะยกระดับความเชื่อมั่นในตลาดทุน คือ "การดูแลธรรมาภิบาล" ซึ่งจะต้องมีกลไกกำกับดูแลที่ชัดเจนและทันต่อเหตุการณ์ และมีนโยบายที่จะให้ความสำคัญกับการป้องปราม และบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดในตลาดทุนให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วเท่าทันกับสถานการณ์ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุนได้
"ผมเชื่อมั่นอย่างมากในการตกลงความร่วมมือกันครั้งนี้ ผมเชื่อว่าน่าจะทำให้การทำงานร่วมกันมีความชัดเจน และกำหนดในหลายๆเรื่องได้ ซึ่งบางคนบอกว่ากำหนดร่นระยะเวลาได้เท่าไหร่ แต่อย่าลืมว่าก่อนที่จะร่นระยะเวลา ถ้าคุณรู้ว่าต้องทำอะไร อะไรเป็นแก๊ปของอีกฝ่ายสามารถปิดได้แล้วทำงานร่วมกันในลักษณะทีมงานมากขึ้น เท่าที่เราดูผลงานจะต้องดีขึ้นกว่าเดิม"
ถามว่าจะช่วยสกัดหุ้นปั่นหุ้นโกงได้หรือไม่ ?
ผมเข้าใจว่าถ้าเราจริงจังและได้รับข้อมูลถูกต้อง การตัดสินใจจะข้ามขั้นตอนว่าจะสกัดได้หรือไม่ มันควรจะเป็นว่าสกัดได้เร็ว น่าจะเป็นตอนนั้นมากกว่า และหากถามว่าเร็วแค่ไหน มันต้องดูฐานข้อมูลจากตลท. ฐานข้อมูลจาก ก.ล.ต. ประกบกัน บวกกับข้อมูลจาก ปปง ด้วย ซึ่งต่างคนต่างมีอำนาจไม่เหมือนกัน คือถ้าทำงานร่วมกันมัเป็นการทำ Fact Fiding ที่เร็วขึ้น
"ความร่วมมือกันครั้งนี้เดี๋ยวก็เห็นผล แต่ต้องรอนิดนึงเพราะกระบวนตอนนี้ชัดเจนว่าใครต้องทำอะไร ไม่ค่อยมีปัญหา มันต้องดีขึ้นอยู่แล้ว"
แก้กฎหมายเพิ่มอำนาจ
ศาสตราจารย์ ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า การแก้ไขกฎหมายเพื่อเพิ่มอำนาจให้ ก.ล.ต. สามารถส่งฟ้องคดีในการลงโทษผู้กระทำผิดนั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างแก้ไขกฎหมายและส่งเรื่องไปยังกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว หากผ่านความเห็นชอบจะส่งเรื่องกลับมาที่ ก.ล.ต. อีกครั้ง จากนั้นยื่นเรื่องต่อไปยังกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณา พร้อมนำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติต่อไป
ปปง.ช่วยเต็มที่
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ปปง.ในนามของหน่วยบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มีบทบาทต่อตลาดทุนในแง่การเป็นหน่วยกำกับดูแลบรรดาบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ถูกกำหนดให้เป็นผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรมต่างๆ รวมถึงเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่กระทำความผิดมูลฐานที่เกิดขึ้นในตลาดทุนด้วย การดำเนินการกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ทั้งการปั่นหุ้น และ อินไซเดอร์ เทรดดิ้ง
ปปง.จะได้รับการประสานจากสำนักงาน ก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลบริษัทหลักทรัพย์โดยตรงถึงข้อมูลของการกระทำความผิด รวมถึงข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งทำหน้าที่เป็นด่านแรกในการตรวจสอบราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นว่ามีความผิดปกติหรือไม่ จากนั้นสำนักงาน ปปง. จึงจะรับช่วงต่อในส่วนของการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินเพื่อนำไปสู่การดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินต่อไป ทั้งนี้ ภายใต้กรอบกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าหน่วยงานที่กำกับดูแลต่างๆถูกมองจากผู้ลงทุนว่าทำงานล่าช้า จนส่งผลให้ไม่สามารถป้องปรามอาชญากรรมในตลาดทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของตลาดทุนไทย ส่วนหนึ่งอาจเนื่องจากความผิดมีความซับซ้อนและมีธุรกรรมจำนวนมาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสำนักงาน ปปง.จึงต้องพิจารณาดำเนินการอย่างรอบคอบภายใต้กรอบกฎหมายเพื่อไม่ให้กระทบต่อภาคธุรกิจ
ตั้งคณะทำงานดูแลทันที
นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ความร่วมมือกันครั้งนี้เป็นรูปธรรมได้อย่างแน่นอน เพราะประสานกันด้วยกฎหมาย ต่อไปหาก ตลท. หรือ ก.ล.ต. ตรวจพบความผิดปกติ ทั้ง การ Insider Trading สามารถประสานงานโดยตรงกับ ปปง. ได้เลย ซึ่งต่างจากสมัยก่อนที่ต้องทำหนังสือส่งเรื่องขั้นตอนอาจจะนาน ดังนั้นหากส่งเรื่องให้ ปปงโดยตรง หากเกิดกรณีที่มีนัยยะสำคัญ จะดำเนินการตั้งทีมคณะทำงานขึ้นมาทันทีเพื่อดูแลตรวจสอบฐานความผิดว่าเข้าข่ายยักยอก ฉ้อโกงหรือไม่ อย่างไร