posttoday

SET พักตัว แต่ภาพรวมยังดี แนะ “Selective Buy” ชู BBL และ DELTA

02 กันยายน 2567

SET เข้าสู่ช่วงพักตัว แรงซื้อนักลงทุนต่างชาติคาดชะลอลง แต่ภาพรวมยังมีสัญญาณที่ดี กลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ BBL และ DELTA

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET เข้าสู่ช่วงพักตัวเพื่อลดความร้อนแรง ในขณะที่แรงซื้ออของนักลงทุนต่างชาติคาดชะลอลงจากดอลลาร์แข็งค่า ทำให้เงินบาทชะลอการแข็งค่า อย่างไรก็ตาม ภาพรวมยังมีสัญญาณที่ดี และปัจจัยหนุนการลดดอกเบี้ยเฟด ทำให้คาดแนวรับ 1,350 และ 1,345 จุด ตามลำดับ ยังรองรับได้ ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1,366 และ 1,372 จุด

ทั้งนี้ ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideway Up จากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่น่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัว หลังเริ่มมีความชัดเจนของสถานการณ์ทางการเมืองไทยและการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปลายไตรมาส 3-4/2567 บวกกับมอง ธปท. เปิดโอกาสเตรียมลดดอกเบี้ยได้มากขึ้น รวมไปถึงกระแส Fund Flow คาดยังไหลเข้าในตลาด EM ต่อเนื่อง ทำให้ค่าเงินบาท และเอเชียแข็งค่าขึ้น โดยมองเม็ดเงินลงทุนจะไหลออกจากกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี สื่อสาร และอิเล็กทรอนิกส์ เข้าสู่กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก รับเหมาฯ และการแพทย์ ซึ่งช่วยลดทอนผลกระทบจากปัจจัยภายนอก โดยคาด ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐและจีนจะชะลอตัวลง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy“ ใน 4 ธีมหลัก ดังนี้

1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากคาดรัฐบาลใหม่จะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นในช่วง ก.ย. นี้ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต แนะนำ CPALL CPAXT TNP CBG

2) นักลงทุนที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดให้พอร์ตลงทุนระยะสั้น แนะนำหุ้นปันผลคุณภาพดีที่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากำไรครึ่งแรกปี 2567 โดยให้ Div. Yield ตั้งแต่ 1.5% ขึ้นไป แนะนำ HTC BCP BBL

3) นักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรในหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำกลุ่มเช่าซื้อ (MTC) กลุ่มอสังหาฯ (AP) กลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF)

4) หุ้นที่กลุ่ม Earnings Play ซึ่งมีโมเมนต้มกำไรยังดี โดยไตรมาส 3/2567 คาดเติบโต YoY และ QoQ ส่วนครึ่งหลังปี 2567 คาดเติบโต HoH และ YoY อีกทั้ง Valuation ไม่แพง เลือก DELTA GULF BDMS BEM

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ BBL ยังเลือกเป็นหุ้นเด่นกลุ่มธนาคาร หลังมองมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจาก 1) การตั้งสำรอง (credit cost) ลดลงในช่วงที่เหลือของปีนี้ 2) การเติบโตของสินเชื่อที่โดดเด่น 3) NIM ที่แข็งแกร่ง และ 4) อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง อีกทั้ง valuation ยังถูก โดยซื้อขาย PER 67F ที่ 6 เท่า (-2SD) และมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำ

DELTA ครึ่งหลังปี 2567 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่ยังคงเติบโตดี อีกทั้งยังมี upside จากการพัฒนาและการขายผลิตภัณฑ์ power supply ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่พัฒนาโดย DELTA Thailand เอง ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่ต้องจ่ายค่า technical fee ให้กับทาง DELTA Taiwan