posttoday

4 ใน 10 นโยบายเร่งด่วน รัฐบาล “แพทองธาร” โยงตลาดทุน หุ้นไหนได้ประโยชน์

15 กันยายน 2567

โผ 17 หุ้น ได้ประโยชน์จาก “ปรับโครงสร้างหนี้-ลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค-ดิจิทัลวอลเล็ต-ส่งเสริมการท่องเที่ยว” 4 ใน 10 นโยบายเร่งด่วน ของรัฐบาล “แพทองธาร”

ตามที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยสาระสำคัญของนโยบายเร่งด่วน 10 ข้อ ที่จะดำเนินการทันที ประกอบด้วย 
 
นโยบายที่ 1 ผลักดันให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ ช่วยเหลือลูกหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ ควบคู่กับการเพิ่มความรู้ทางการเงินและส่งเสริมการออมในรูปแบบใหม่ๆ
 
นโยบายที่ 2 ดูแล ส่งเสริม ปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs จากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมของคู่แข่งทางการค้าต่างชาติ โดยเฉพาะผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ แก้หนี้ของ SMEs การจัดทำ Matching Fund เพื่อให้กลับมาเป็นกลไกที่แข็งแรงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
 
นโยบายที่ 3 เร่งออกมาตรการลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค ปรับโครงสร้างราคาพลังงานควบคู่กับการเร่งรัดจัดทำ ปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ผลักดันการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ (Mass Transit) และกำหนดโครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วมในเขตกรุงเทพมหานคร รองรับนโยบาย “ค่าโดยสารราคาเดียว” ตลอดสาย ลดภาระค่าเดินทาง

นโยบายที่ 4 สร้างรายได้ใหม่ของรัฐด้วยการนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษี (Informal Economy) และเศรษฐกิจใต้ดิน (Underground Economy) เข้าสู่ระบบภาษี เพื่อนำไปจัดสรรสวัสดิการด้านการศึกษา สาธารณสุข และสาธารณูปโภค
 
นโยบายที่ 5 เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่น ควบคู่กับบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ ให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก และผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนและการประกอบอาชีพ
 
นโยบายที่ 6 ยกระดับการทำเกษตรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรทันสมัย โดยใช้แนวคิด “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” และฟื้นนโยบาย “ครัวไทยสู่ครัวโลก” เพื่อตอบสนองความต้องการของโลกด้านความมั่นคงทางอาหาร (Food Security)
 
นโยบายที่ 7 เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว สานต่อความสำเร็จในการปรับโครงสร้างการตรวจลงตรา เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอวีซ่า รวมทั้งส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destinations) เช่น สวนสนุก สถานบันเทิงครบวงจร นำคอนเสิร์ต เทศกาล และการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในไทยเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและเม็ดเงินลงสู่ผู้ประกอบการในประเทศ

นโยบายที่ 8 แก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจร ตั้งแต่ตัดต้นตอการผลิตและจำหน่ายด้วยการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน สกัดกั้น ควบคุมการลักลอบนำเข้าและตัดเส้นทางการลำเลียงยาเสพติด ปราบปรามและยึดทรัพย์ผู้ค้า รวมทั้งมีระบบติดตามดูแลช่วยเหลือผู้ติดยาเสพติดไม่ให้กลับไปสู่วงจรอีก
 
นโยบายที่ 9 เร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์/มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน เพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์รับมือกับอาชญากรรมออนไลน์อย่างรวดเร็ว ผนึกกำลังกับประเทศเพื่อนบ้านและสร้างกลไกการร่วมรับผิดชอบของบริษัทผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมและธนาคารพาณิชย์
 
นโยบายที่ 10 ส่งเสริมพัฒนาศักยภาพ จัดสวัสดิการสังคมให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป สร้างความเท่าเทียมทางโอกาสและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางทั้งคนพิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มชาติพันธุ์ บุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ ให้เข้าถึงสิทธิและสวัสดิการของรัฐได้โดยสะดวก

4 ใน 10 นโยบายเร่งด่วน รัฐบาล “แพทองธาร” โยงตลาดทุน หุ้นไหนได้ประโยชน์ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า นโยบายที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนโดยตรง มีอยู่ด้วยกัน 4 ข้อหลักๆ ได้แก่ นโยบายที่ 1 การปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อบ้านและรถ ช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบและในระบบที่ไม่ขัดต่อวินัยการเงินและไม่ทำให้เกิดภาวะภัยทางจริยธรรม 

กลุ่มหุ้นที่คาดได้ประโยชน์ คือ กลุ่มเช่าซื้อ อย่าง MTC, SAWAD, TIDLOR, BAM

นโยบายที่ 3 การลดราคาพลังงานและสาธารณูปโภค ปรับโครงสร้างราคาพลังงาน และเร่งปรับปรุงกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงาน, ค่าโดยสารราคาเดียวตลอดสาย และนโยบายที่ 5 เตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการ DIGITAL WALLET 

กลุ่มหุ้นที่คาดได้ประโยชน์ คือ กลุ่มเกษตร-อาหาร/ค้าปลีก/เช่าซื้อ อย่าง CPF, TU, CPALL, CRC, BJC, HMPRO, COM7, MTC, SAWAD, TIDLOR, BAM 

นโยบายที่ 7 การเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย โดยการสร้าง ENTERTAINMENT COMPLEX ครบวงจร

กลุ่มหุ้นที่คาดได้ประโยชน์ คือ กลุ่มท่องเที่ยว/การบิน อย่าง CENTEL, MINT, ERW, AOT, AAV, BA