รู้ก่อนซื้อ! OKJ เคาะราคาไอพีโอ 6.70 บาท เปิดจอง 23-25 ก.ย.นี้
"โอ้กะจู๋ (OKJ)" ขายไอพีโอ 6.70 บาท พี/อี 24.13 เท่า เปิดจองซื้อ 23-25 ก.ย.67นี้ หวังนำเงินระดมทุน 1,023.90 ล้านบาท ขยายสาขา-สร้างครัวกลางแห่งใหม่-ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์-ชำระหนี้เงินกู้ พร้อมปันผลไม่น้อยกว่า 40% โดยมี บล.บัวหลวง นั่งที่ปรึกษาทางการเงิน
จากรายงานสรุปข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนของ "บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ" เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 159 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้(พาร์)หุ้นละ 0.50 บาท ราคาเสนอขาย 6.70 บาทต่อหุ้น
โดยกำหนดระยะเวลาจองซื้อระหว่างวันที่ 23-25 ก.ย. 2567 โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
โดยการกำหนดราคาเสนอขายที่ 6.70 บาทนั้น บริษัทร่วมกับผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายพิจารณาจากราคาและจำนวนหุ้นที่นักลงทุนสถาบันเสนอความต้องการซื้อเข้ามา โดยเป็นราคาที่จะทำให้บริษัทฯได้รับเงินตามจำนวนที่ต้องการ และยังมีความต้องการซื้อหุ้นเหลืออยู่มากพอในระดับที่คาดว่าจะทำให้ราคาหุ้นมีเสถียรภาพในตลาดรอง
และ หากพิจารณากำไรสุทธิของบริษัทฯ ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (วันที่ 1 ก.ค.66 - 30 มิ.ย.67) ซึ่งเท่ากับ 169.08 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทฯ หลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (Fully Diluted) ซึ่งเท่ากับ 609 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.28 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E) ประมาณ 24.13 เท่า หากเทียบกับค่าพี/อี หุ้น AU ที่ 30.5 เท่า และ MAGURO มีพี/อี 31 เท่า
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จำนวนประมาณ 1,023.90 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการ 1.ขยายธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การขยายสาขาร้านโอ้กะจู๋ ร้าน Ohkajhu Wrap & Roll และ ร้าน Oh! Juice และ/หรือการขยายสาขาสำ หรับธุรกิจหรือแบรนด์ใหม่ๆ การปรับปรุงสาขา และขยายช่องทางการจำหน่ายของบริษัทฯ คาดใช้เงินลงทุนราว 753.9 - 758.9 ล้านบาท
2. ลงทุนในการก่อสร้างครัวกลางแห่งใหม่ และการพัฒนาเครื่องจักร อุปกรณ์ รวมถึงห้องล้างผัก และเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ระบบการบริหารจัดการวัตถุดิบสินค้าคงเหลือ ระบบการขนส่ง และสำ นักงาน เป็นต้น คาดใช้เงินลงทุนราว 190 - 230 ล้านบาท
3. ลงทุนและพัฒนาเครื่องจักร อุปกรณ์ และระบบสาธารณูปโภค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะปลูก ซึ่งรวมถึงการสร้างสถานที่ที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพผลผลิต (In-house lab) เป็นต้น คาดใช้เงินลงทุนราว 30 - 35 ล้านบาท
และ 4. ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน คาดใช้เงินราว 0.0 - 50 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ภายหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท