posttoday

เปิดโผกลุ่มหุ้นได้-เสียประโยชน์ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท/วัน

20 กันยายน 2567

จับตาบอร์ดไตรภาคีพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท/วัน บ่ายวันนี้ หุ้นกลุ่มไหนได้-เสียประโยชน์? โบรกฯ แนะหากราคาหุ้นตอบสนองต่อประเด็นนี้มากเกินไป ถือเป็นโอกาสสะสมหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง

วันนี้ (20 ก.ย.) ในช่วงบ่าย จะมีการประชุมคณะกรรมการไตรภาคีพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท โดยจะมีตัวแทนฝ่ายนายจ้าง ตัวแทนฝ่ายลูกจ้าง และตัวแทนฝ่ายราชการ ฝ่ายละ 5 คน รวม 15 คน โดยครั้งนี้ถือเป็นการประชุมครั้งที่ 2 หลังจากที่การประชุมครั้งแรกฝ่ายนายจ้างไม่มาเข้าร่วมประชุม ซึ่งหากตัวแทนนายจ้างไม่มาร่วมประชุมถือว่าสละสิทธิ์ โดยอ้างอิงเสียงการโหวต 2 ใน 3 เสียง และสามารถโหวตได้ จึงต้องติดตามว่าจะมาประชุมครบทั้ง 3 ฝ่ายหรือไม่ และผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร

ทั้งนี้ “โพสต์ทูเดย์” จึงได้หยิบยกบทวิเคราะห์ของฝ่ายวิจัย บล. เอเซีย พลัส ซึ่งได้นำเสนอกลุ่มหุ้น OUTPERFORM และ UNDERPERFORM มีอะไรบ้าง จากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท/วัน 

ฝ่ายวิจัย บล. เอเซีย พลัส ระบุว่า มีความเป็นไปได้มากที่จะเห็นการปรับขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำเป็น 400 บาท ซึ่งเห็นว่าผู้ประกอบการรายใหญ่จะมีผลกระทบที่จำกัดมากกว่ารายเล็ก ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นในกลุ่มที่มีโครงสร้างต้นทุนมาจากค่าแรงในสัดส่วนที่สูง ถูกแรงกดดันให้ปรับลดลงไป อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกมุมด้านหนึ่งที่อาจเป็นผลดีจากการปรับขึ้นค่าแรง เช่น ทำให้กำลังซื้อของภาคครัวเรือน (ซึ่งปัจจุบันอยู่ในภาวะที่มีหนี้สินสูง) ปรับตัวดีขึ้น

ดังนั้น ฝ่ายวิจัยฯ จึงลองทำการศึกษาในเชิงปริมาณ หาพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของหุ้นแต่ละ SECTOR ในช่วงเวลา 1 เดือน หลังมีการประกาศขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ ทั้ง 6 รอบที่ผ่านมา พบว่า กระทบต่อ SET INDEX จำกัด โดย SET ยังปรับขึ้นได้เฉลี่ย +0.9% แต่มีความน่าจะเป็นให้ผลตอบแทนเป็นบวก 50% 

เปิดโผกลุ่มหุ้นได้-เสียประโยชน์ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท/วัน

กลุ่มหุ้นที่ OUTPERFORM ตลาด ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ได้แก่ HELTH (การแพทย์) +7.2%, FIN (เงินทุนและหลักทรัพย์) +6.3%, INSUR (สินค้าอุตสาหกรรม) +4.5%, TOURISM (การท่องเที่ยวและสันทนาการ) +2.8% PETRO (ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์) +2.7% ENERG (พลังงานและสาธารณูปโภค) +1.5%

MEDIA (สื่อและสิ่งพิมพ์) +1.4% COMM (พาณิชย์) +1.4% FOOD (อาหารและเครื่องดื่ม) +1.3% AUTO (ยานยนต์) +1.3%  ETRON (ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์) +1.2% PF&REIT (กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์) +1.1% TRANS (ขนส่งและโลจิสติกส์) +0.8% ICT (เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) +0.6% PROP (พัฒนาอสังหาริมทรัพย์) +0.4%

ในทางตรงกันข้ามกลุ่มหุ้นที่ UNDERPERFORM ตลาด และต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นกระทบต่อกำไรชัด ได้แก่ CONMAT (วัสดุก่อสร้าง) -1.4% CONS (บริการรับเหมาก่อสร้าง) -1.0% BANK (ธนาคาร) -0.3%

กลุ่มหุ้นดังกล่าว น่าจะนำไปปรับใช้ในการปรับพอร์ต เพื่อรับมือกับประเด็นการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในระยะถัดไปได้ โดยหากราคาหุ้นตัวใดตอบสนองต่อประเด็นนี้มากเกินไป ถือเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง