5 ภารกิจสำคัญ ประธานบอร์ด ก.ล.ต. สู่การผลักดันตลาดทุนโต 2 เท่า GDPไทย
“วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ” ย้ำภารกิจสำคัญ ก.ล.ต. เดินหน้าสร้าง Trust and Confidence - Fair play - ผลักดันสินทรัพย์ดิจิทัล - ยกระดับกฎหมายป้องปราม พร้อมปรับกระบวนการทำงานร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ นัดถก 9 ธันวาคมนี้หวังร่นระยะเวลาดำเนินการกระชับรวดเร็ว
"ตลาดทุนไทย" ยังคงเผชิญความท้าทายหลากหลาย โจทย์สำคัญที่ต้องก้าวข้ามให้ได้คือ "ความเชื่อมั่น" ภายใต้ความเสี่ยงของสถานการณ์โลกที่ผันผวน การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย สินทรัพย์ใหม่ๆเกิดขึ้น รวมถึงนโยบายของผู้นำประเทศมหาอำนาจที่เหนือการควบคุมและยากเกินคาดเดานั้น นโยบายของ "ผู้คุมกฎตลาดทุน" ย่อมต้องเร็ว ทันเหตุการณ์ เพื่อสร้างเกราะคุ้มกันรอบด้านก่อนภัยโจมตี
"ภารกิจสำคัญของ ก.ล.ต. คือ สร้าง Trust and Confidence, Fair play, ผลักดันสินทรัพย์ดิจิทัล(Digital Asset)พร้อมยกระดับกฎหมาย สืบสวนยันสอบสวน ต้องไม่ให้ใครได้ประโยชน์หรือแสวงหาโอกาสที่เหนือกว่าคนอื่น นี่คือหลักการที่ต้องทํา ด้วยระบบที่มีจะช่วยป้องกันและเกิดการเล่นที่ยุติธรรม ก.ล.ต. เป็นผู้ดูแลทำงานสอดคล้องกับตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อให้บริษัทที่ดีอยู่ในตลาด ไม่ให้มีข้อบกพร่อง ถ้ามีพ่อค้าแม่ค้าขายของไม่ดีหรืออะไรต่างๆ เราต้องพยายามดูแล แต่ว่าตลาดจะโตหรือไม่ มีส่วนประกอบอื่นที่นอกเหนือการควบคุม อย่างไรก็ดีมูลค่าตลาดทุนไทยยังขยายตัวได้มากกว่า 2 เท่าของจีดีพีที่โต 3%"
ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ประธานกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ "โพสต์ทูเดย์" ว่า ตนเองเข้ามาดำรงตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม 2567 จวบจนวันนี้ราว 4 เดือนครึ่ง ภารกิจสำคัญคงเน้นเรื่อง Trust and Confident การสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยีทำให้ข้อมูลมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ เช่น การใช้ระบบ Tokenization ช่วยให้สามารถติดตามที่มาของสินทรัพย์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งจะเพิ่มความน่าเชื่อถือในตลาด
อีกทั้งระยะเวลาพิจารณาคดีหรือดําเนินการต่างๆต้องเร็วขึ้น เบื้องต้นอยากเห็นใช้เวลาพิจารณาเป็น "เดือน" แม้ระบบอาจจะยาก แต่ไม่ต้องการคําว่า "ปี" ซึ่งการปรับระบบพิจารณาอาจต้องค่อยเป็นค่อยไป ถือว่าการดำเนินงานในปัจจุบันดีขึ้นมาก
ขณะที่ "กระบวนการบังคับใช้กฎหมายของ ก.ล.ต." กำหนดภายใต้การบังคับใช้กฎหมายของ ก.ล.ต.เป็นหลัก พร้อมกับบูรณาการเชื่อมโยงการทำงานไปจนถึงการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อการจับกุมและการพิพากษาสิ้นสุด ฉายภาพกระบวนการบังคับใช้กฎหมายของ ก.ล.ต.ได้เห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น
"เราได้มีการหารือเกี่ยวกับการปรับปรุงกระบวนการทำงานของสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเน้นการลดระยะเวลาในการดำเนินการต่างๆ และการสร้างความคาดหวังที่ชัดเจนเกี่ยวกับระยะเวลาที่ควรใช้ในการดำเนินการแต่ละขั้นตอน นอกจากนี้การเร่งรัดการพิจารณาคดีที่คั่งค้าง รวมถึงการปรับปรุงระบบการทำงานเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความยุติธรรมได้อย่างรวดเร็ว"
พร้อมกับเดินหน้าทำงานร่วมกับ "ตลาดหลักทรัพย์ฯ"อย่างไร้รอยต่อ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้ง การสร้างความเข้าใจและการทำงานร่วมกันระหว่าง ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต. จะช่วยให้สามารถเห็นปัญหาและประเด็นต่างๆได้เร็วขึ้นซึ่งจะทำให้กระบวนการทำงานมีความชัดเจนและลดเวลาดำเนินการ
เมื่อตระหนักถึงการเดินหน้าผลักดันตลาดทุนในปี 2568 ทาง ก.ล.ต. และ ตลาดหลักทรัพย์ เตรียมประชุมหารือถึงแนวทางกำกับดูแลและส่งเสริมพัฒนาผู้มีส่วนร่วมในตลาดทุนไทยขึ้นในวันที่ 9 ธันวาคม 2567เพื่อให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจถึงแนวทางที่จะมุ่งไปข้างหน้าร่วมกันได้อย่างชัดเจน
อีกหนึ่งภารกิจสำคัญ นั่นก็คือ การปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานให้เป็นดิจิทัล ใช้เทคโนโลยีที่มีเข้ามาช่วยตรวจจับปัญหาต่างๆได้เร็วขึ้น (Early Detection) และสามารถส่งข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดช่องว่างเวลาในการดำเนินการ พร้อมกับปรับปรุงระบบให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น โดยไม่ต้องเพิ่มภาระงานให้กับบุคลากร ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินการต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
"การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบและการดำเนินการ โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัล,AIเข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูล,ตรวจสอบการซื้อขาย(Trading)และการตรวจจับปัญหา(Early Detection)ช่วยให้สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆได้เร็วขึ้นและลดเวลาในการดำเนินการ"
ผลักดันสินทรัพย์ดิจิทัล
โลกกําลังเข้าสู่ Digital Asset ถ้าเราเตรียมตัวไม่พร้อมหรือว่าวางกติการะเบียบไม่ทันอาจส่งผลกระทบ ดังนั้นการสร้างความร่วมมือในการตรวจสอบและการจัดการกับ Digital Asset พร้อมกับพัฒนากระบวนการตรวจจับตั้งแต่เริ่มต้นและการแทรกแซงเพื่อให้สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งกระบวนการทำงานต่างๆต้องทำร่วมกับหลายหน่วยงานเพื่อให้เดินไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง
"ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมีมูลค่าสูงถึง 3 ล้านล้านบาทและยังสามารถเติบโตได้อีกมากในอนาคต ดังนั้นการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้ง การหลอกลวงออนไลน์ต่างๆนั้นต้องเร่งดำเนินการ นั่นจึงเป็นที่มาของการเสนอแนวทางในการสร้างหน่วยงานเฉพาะเพื่อจัดการกับปัญหาดังกล่าว รวมถึงพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อป้องกันการฉ้อโกงในอนาคตเช่นกัน"
นอกจากนี้ เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยให้สร้างสินทรัพย์ใหม่ๆ เช่น "คาร์บอนเครดิต" ที่สามารถนำมาซื้อขายในตลาดได้ ซึ่งจะช่วยขยายขอบเขตของตลาดทุน สร้างโอกาสใหม่ในตลาด อย่างไรก็ดี การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาตลาดทุนให้มีความทันสมัยและสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก
ท้ายที่สุด ภารกิจทั้งหมดที่ "ตลาดทุนไทย" เตรียมเดินหน้านั้นคงต้องผนึกกำลังกันทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ความสำเร็จนั้นจะเกิดเพียงฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ได้อย่างแน่นอน.
ก.ล.ต. ปักหมุดพัฒนาตลาดทุนเพื่อความยั่งยืน หนุนการซื้อขาย “คาร์บอนเครดิต”
ขุนคลังสั่งการ"ก.ล.ต.-ตลท.-ปปง."งัดกฎหมายเข้มฟันหุ้นโกง ฟื้นเชื่อมั่น
จับตา 2 ประธานนักกฎหมาย ล้างบางโจรตลาดทุน
"อัสสเดช" พร้อมปราบบอสปั่นหุ้น ฟื้นเชื่อมั่น ดันหุ้นไทยสู่ไฟแนนเชียลฮับ
เปิดใจ ‘กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์’ รื้อกฎหมายเชือดหุ้นปั่น! ยกระดับตลาดทุน
มาแน่! สิงหาคมนี้ "ยึดเงินก่อนตรวจสอบ" แก๊งปั่นหุ้น-ปั้นงบดุล อ่วม!