"เจ้าสัวเจริญ" ปิดฉากซื้อ"เสริมสุข"ถือเต็มแม็ก 99.19% จับตาเกมใหญ่ปี 68
“ไทยเบฟ”แจ้งความคืบหน้าเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้น “เสริมสุข (SSC)” สรุปซื้อ 91.78 ล้านหุ้น ถือรวม 263.75 ล้านหุ้น คิดเป็น 99.19% ก่อนเพิกถอนออกจากตลาดหุ้นไทย พร้อมจับตาเกมลงทุนปี 2568 ทุ่มเม็ดเงินก้อนใหญ่ 18,000 ล้านบาทชิงความได้เปรียบธุรกิจ
หลังจาก "กลุ่มไทยเบฟฯ" ปรับพอร์ตลงทุนครั้งใหญ่ โดยให้บริษัทย่อย นั่นก็คือ "บริษัท โซ วอเตอร์ จำกัด" ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ "บมจ. เสริมสุข (SSC)" จำนวน 171,954,804 หุ้น คิดเป็น 64.67% แจ้งความประสงค์ในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ SSC จำนวน 93,945,680 หุ้น สัดส่วน 35.33% ราคาเสนอซื้อ 63 บาทต่อหุ้น
ล่าสุด "บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)" แจ้งตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ระบุอ้างถึงประกาศของบริษัทเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2567 เกี่ยวกับการทำคำเสนอซื้อโดยบริษัทย่อยทางอ้อมที่บริษัทถือหุ้นทั้งหมด คือ "โซ วอเตอร์" สำหรับหุ้นที่เหลือทั้งหมดของ "เสริมสุข" ("คำเสนอซื้อ") เพื่อเพิกถอนหุ้นของเสริมสุขจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ("การเพิกถอนหลักทรัพย์เสริมสุข" และ "ตลาดหลักทรัพย์ฯ" ตามลำดับ) ตามที่ระบุในประกาศวันที่ 3 กรกฎาคม 2567
โดยมีเงื่อนไขบังคับก่อน 2 ประการ ซึ่ง "โซ วอเตอร์" จะต้องปฏิบัติให้สำเร็จก่อน คือ
1. ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของเสริมสุขมีมติอนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์เสริมสุขด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของเสริมสุข และต้องไม่มีการคัดค้านจากผู้ถือหุ้นซึ่งถือหุ้นรวมกันเกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของเสริมสุข ตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯเกี่ยวกับการเพิกถอนหลักทรัพย์ และ
2. การเพิกถอนหลักทรัพย์เสริมสุขจะต้องได้รับการอนุมัติและ/หรือการผ่อนผันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ฯ สถาบันการเงิน และคู่สัญญาอื่นๆ ในสัญญาที่เกี่ยวข้อง (หากจำเป็น)
โซ วอเตอร์ได้รับแจ้งจากเสริมสุขว่าเงื่อนไขบังคับก่อนทั้งหมดได้รับการปฏิบัติครบถ้วนแล้ว ดังนั้น โซ วอเตอร์จึงได้ทำคำเสนอซื้อโดยมีระยะเวลารับซื้อ 45 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2567 ถึงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567
ในการนี้ บริษัทขอแจ้งให้ทราบว่าระยะเวลาการทำคำเสนอซื้อได้สิ้นสุดลงในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 และ โซ วอเตอร์ได้รับซื้อหุ้นเสริมสุข จำนวน 91,786,404 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 34.52 ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของเสริมสุขผ่านการทำคำเสนอซื้อส่งผลให้ "โซ วอเตอร์" ถือหุ้น "เสริมสุข" รวมทั้งสิ้น 263,741,208 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 99.19 ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของเสริมสุข ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 จากนั้นจะดำเนินการขอเพิกถอนหลักทรัพย์ "SSC" ออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามขั้นตอนต่อไป
รู้จัก "SSC"
"บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) หรือ SSC" บริษัทเป็นทั้งผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่ม เครื่องดื่มน้ำอัดลม "เอส" และ "ซาสี่" น้ำดื่ม "คริสตัล" ชาเขียว "โออิชิ" เครื่องดื่มอัดลมเพื่อสุขภาพ "100พลัส" เครื่องดื่มสมุนไพร "จับใจ" น้ำโซดา "ร็อค เมาเท่น" เครื่องดื่มบำรุงกำลัง "แรงเจอร์" เครื่องดื่มเกลือแร่ "พาวเวอร์พลัส" และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ "วีบูสท์"
ผลประกอบการ 5 ปี (พ.ศ.2563-2567)
จับตากันต่อไปว่า "เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี" เตรียมแผนซื้อธุรกิจเข้ามาเพิ่มอีกหรือไม่
แต่ที่แน่ๆ "ฐาปน สิริวัฒนภักดี" ซีอีโอ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ประกาศแผนชัดเจนว่า "ในปี 2568 อัดเงินลงทุนเพิ่มเป็น 18,000 ล้านบาท สูงกว่าปกติที่ลงทุนปีละราว 7,000-8,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการ Agri Valley Farm ในมาเลเซีย ซึ่งเป็นฟาร์มโคนมขนาดใหญ่ คาดใช้เงินลงทุนราว 8,000 ล้านบาท , ขยายโรงงานผลิตเบียร์และธุรกิจอื่นๆในกัมพูชา คาดใช้เงินลงทุนราว 1,500 ล้านบาท รวมถึงขยายกำลังผลิตวิสกี้ในประเทศนิวซีแลนด์ เสริมศักยภาพการแข่งขันตลาดสุราพรีเมี่ยม ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ "กลุ่มไทยเบฟ" มีศักยภาพการทำธุรกิจและชิงความได้เปรียบด้านการแข่งขัน"
"เจ้าสัวเจริญ"สั่งปรับพอร์ตใหญ่ ดึง "เสริมสุข"ออกจากตลาดหุ้น
"ไทยเบฟ" ย้ำชัด 3 เดือนส่งท้ายปีเข้าสู่ช่วงท้าทายแต่ดี พร้อมกาง PASSION 2030
5 ทายาทเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี บนธุรกิจล้านล้าน
ผ่าอาณาจักร 5.6 แสนล้าน ‘สิริวัฒนภักดี’ ในมือ 5 ทายาทโต้คลื่นธุรกิจครั้งใหญ่