บทพิสูจน์ "ไทยออยล์" ภายใต้มรสุมใหญ่โหมซัด
"ไทยออยล์" เผชิญความท้าทายด้านเศรษฐกิจโลก ความผันผวนของเศรษฐกิจจีน ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ดีมานด์ซัพพลายล้น พร้อมย้ำ "โครงการพลังงานสะอาด (CFP)" ถูกต้องและโปร่งใส ดำเนินการโดยยึดประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้น
ปัญหามีไว้ให้แก้!
ย้อนกลับไปในปีพ.ศ.2561 "โครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project : CFP)" โครงการขนาดใหญ่ มูลค่าโครงการราว 5,375 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 150,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการกลั่นน้ำมัน
แต่แล้วสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น "วิกฤติโควิด-19" ส่งผลให้การทำงานในโครงการ CFP ล่าช้า จึงเจรจาปัญหากับผู้รับเหมาหลัก The Consortium of PSS Netherlands B.V. (Offshore Contractor) และ Unincorporated Joint Venture of Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd. (เดิมชื่อ Samsung Engineering (Thailand) Co., Ltd.), Petrofac South East Asia Pte. Ltd. และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (Onshore Contractor) (เรียกรวมกันว่า “UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem”) เพื่อให้ดำเนินการตามสัญญาที่ตกลง และทุกแนวทางที่เจรจาใช้สิทธิตามสัญญาที่มีและรักษาผลประโยชน์ของไทยออยล์และผู้ถือหุ้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิด "ปัญหาใหญ่"
เมื่อหลาย 10 ปีก่อนเคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นเช่นกัน เพียงแต่เป็นโครงการที่มีมูลค่าไม่สูงมากราว 1,000 ล้านเหรียญฯ ในขณะนั้นได้มีการปรับเปลี่ยนผู้รับเหมาหลักรายใหม่เข้ามารับช่วงต่อ ซึ่งปรากฎว่าโครงการดำเนินไปได้สำเร็จลุล่วงในเวลาอันรวดเร็ว
"ปัญหามีไว้ให้แก้ไข และทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ เพียงแต่เราไม่อยากให้คนเข้าใจผิดเพราะที่ผ่านมาทําถูกต้องตามสิ่งที่ควรจะเป็นทุกอย่าง และอยากให้มั่นใจว่าโครงการ CFP เป็นโครงการเชิงกลยุทธ์ทําให้เป็นแพลตฟอร์มสําหรับธุรกิจใหม่ในอนาคต เราจะทําทุกทางทั้งเจรจา การควบคุมต้นทุน การบริหารความเสี่ยง โดยยึดหลักผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นที่ตั้ง ไทยออยล์จะทำให้ดีที่สุด"
"บัณฑิต ธรรมประจำจิต" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เล่าว่า ตนเข้ามาดำรงตำแหน่งในวันที่ 1 มกราคม 2566 ตลอดการทำงานพยายามสานต่อโครงการต่างๆให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะโครงการ CFP ถือว่าเดินหน้ามาถึง 90% จากนี้อยากให้มั่นใจว่าไทยออยล์ เป็น Professional ทําทุกอย่างเต็มที่ ด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบภายใต้กฎหมายและกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อแสดงให้เห็นถึงความชัดเจนและความโปร่งใสของไทยออยล์
"แม้โครงการ CFP ไม่ได้เปิดตามกำหนดปี 2568 แต่การก่อสร้างยังดำเนินต่อเนื่อง ดังนั้นอาจไม่ได้กระทบในแง่ผลดำเนินการไทยออยล์มาก ด้วยภาพรวมธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีปีหน้าค่าการกลั่นอาจจะดีกว่าปี 2567แต่ด้วยเศรษฐกิจจีนไม่สดใสตามที่คาดหวัง ปัญหาสงครามการค้าหลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่คาดเดาได้ยาก."
อนาคต "ไทยออยล์" ยังคงเผชิญความท้าทายหลากหลาย แต่ถึงกระนั้นผลการดำเนินงานปกติในไตรมาส 4 และ ไตรมาส 1 ธุรกิจเข้าสู่ช่วงไฮซีซัน ผลประกอบการมีทิศทางที่ดีกว่าไตรมาสอื่นๆ เพียงแต่อาจต้องจับตาราคาน้ำมัน ค่าการกลั่น และสถานการณ์ปิโตรเคมีอย่างใกล้ชิด ด้วยถือเป็นปัจจัยที่ควบคุมได้ยาก เพราะหากเกิดสถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เกินคาดเดาและรุนแรงอาจกระชากราคาน้ำมันพุ่งสูง และอีกตัวแปรสำคัญภาพรวม "เศรษฐกิจ" หากไม่ดีขึ้นย่อมกระทบกำลังดีมานด์ซัพพลายได้เช่นกัน
แต่วงในกลับมีกระแสข่าวลือว่า "โครงการ CFP" ของ TOP อาจมีการเสนอแผนทางเลือกเพิ่มเติมเพื่อหาทางออก ทั้ง การเปิดรับผู้รับเหมาหลักรายใหม่เข้ามาสานต่อโครงการ หรือ การร่วมงานกับผู้รับเหมาหลักรายเดิมเพียงแต่ต้องทำตามเงื่อนไขจากทางไทยออยล์ เป็นต้น โดยจะมีการเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) พิจารณาในช่วงต้นปี 2568 ก่อนยื่นเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอีกครั้ง แต่ทุกอย่างต้องจบชัดเจนภายในไตรมาส 1/2568 มิเช่นนั้นอาจลากยาวสร้างแรงกระเพื่อมแบบโดมิโนได้.
PTT-OR แจง 5 ข้อเท็จจริง! พร้อมดำเนินการตามกฎหมายปกป้องชื่อเสียง "กลุ่ม ปตท."
PTT คอนเฟิร์มธุรกิจแกร่ง ดีลพันธมิตรลุยปิโตรเคมี-โรงกลั่น-Life Science
สรุปงบไตรมาส 3/67 "กลุ่ม ปตท." พร้อมผ่างบท้ายปี หุ้นตัวไหนได้ไปต่อ ?
PTT พลิกเกมล่าท้าวิกฤติ เปิดรับพันธมิตรเสริมธุรกิจยกกลุ่ม
เปิดวิชั่น "ดร.คงกระพัน" ชูธุรกิจต้องดี-ขนาดใหญ่-มีจุดแข็ง สู่เป้า Net Zero