หุ้นไทยไร้ปัจจัยหนุน-เงินทุนไหลออก เคาะกรอบ 1,410-1,425 จุด
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.พาย ระบุว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 110 จุด คิดเป็น -0.25% อย่างไรก็ตามดัชนี Nasdaq ปิดทำ New High ต่อเนื่องได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นในกลุ่ม Technology ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.78% ถูกกดดันจากการที่จีนรายงานการใช้จ่ายแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
เมื่อวานที่ผ่านมาจีนได้รายงานยอดค้าปลีกพบว่าขยายตัวเพียง 3%YoY แย่กว่าที่ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 5%YoY ด้านผลผลิตภาคอุตสาหกรรมก็ ขยายตัว 5.4%YoY แต่สอดคล้องกับที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ ส่วนสหรัฐฯนั้นเมื่อคืนได้รายงาน Flash PMI ทั้งภาคผลิตและภาคบริการพบว่าภาค บริการขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดการณ์ แต่ภาคผลิตแย่กว่าคาดการณ์และต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว ภายหลังจากรายงานพบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งรุ่นอายุ 2, 10 ปีปรับขึ้นต่อเนื่องและเป็นการขึ้นต่อเนื่อง 6 วันทำการ
สะท้อนมุมมองที่เข้มงวดมากขึ้นจากภาวะดอกเบี้ยต่อความคิดของนักลงทุนและทําให้เงินบาทกลับมามีแนวโน้มอ่อนค่า เช้านี้อยู่ที่ระดับ 34.06 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ หากยังเป็นเช่นนี้ก็เสี่ยงจะอ่อนค่าในระยะถัดไปและสร้างแรงกดดันต่อกระแสเงินทุนต่างชาติที่ยังคงขายสุทธิ วานนี้ขายสุทธิ 1.27 พันล้านบาท พร้อมกับสถาบันขายสุทธิ 2.38 พันล้านบาท ส่วนหนึ่งอาจเกิดขึ้นจากปัจจัยรบกวนในหุ้น CPALL, CPAXT แม้ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินกระทบกําไรสุทธิเพียงเล็กน้อยใน CPAXT แต่นักลงทุนกําลังกังวลกับการบริหารงานรวมไปถึง ESG ระยะสั้นคาดว่าเงินที่ไหลออกอาจไปเข้ากลุ่มค้าปลีกตัวอื่นๆที่ปัจจัยพื้นฐานยังดี อาทิ CRC, CPN รวมถึงกลุ่มที่ Valuation ไม่แพง
และมีปัจจัยหนุนอย่างธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) โดยหลังจากนักลงทุนจะรอติดตามผลประชุมธนาคารกลางต่างๆ อาทิ คณะกรรมการนโยบายการเงินในวันพรุ่งนี้ (กนง.) เบื้องต้น Bloomberg Consensus คาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ระดับเดิม และคืนวันพุธรอติดตามประชุม FED ซึ่งคาดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% แต่ที่สําคัญกว่าคือถ้อยแถลงและทิศทางดอกเบี้ยในปี 2568 ว่าจะลดเท่าใด ข้อมูลจาก CME FED Watch ให้น้ำหนักลดดอกเบี้ย เพียง 2 ครั้งในปีหน้า
วันนี้รอติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรีและสหรัฐฯรอติดตามตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการอสังหา Bloomberg Consensus ประเมินใว้ที่ 0.3%MoM, 47
วันนี้(17 ธ.ค.2567)ประเมิน SET เคลื่อนในกรอบ 1,410 - 1,425 จุด กลยุทธ์การลงทุนอาจเพิ่มความระมัดระวังการลงทุนมากขึ้นจากที่ไม่มีปัจจัยหนุนชัดเจนต่อตลาดหุ้นไทยและเสี่ยงกับกระแสเงินทุนไหลออกจากความคาดหวังเชิงบวกต่อสหรัฐฯ หุ้นแนะนําเน้นที่กลุ่มศูนย์การค้า (CPN) ค้าปลีก (BJC CRC HMPRO) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) การเงิน (MTC SAWAD)
เชียร์ซื้อ CRC - BBL
CRC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 40.00 บาท) รายงานกําไรสุทธิไตรมาส 3/67 ที่ 2.1 พันล้านบาท (+86%YoY) หลังติดรายการพิเศษจะมีกำไรปกติที่ 1.6 พันล้านบาท (+24%YoY, +1%QoQ) ดีกว่าที่เราและ consensus คาด 17% ให้กําไรคิดเป็น 68% ของประมาณการกําไรปี 2567 กําไรไตรมาส 3/67 โต YoY มาจากรายได้จากการส่งเสริมการขายที่เพิ่มขึ้น การควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดี บวกกับอัตราภาษีจ่ายที่ลดลง แม้ว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ -3%YoY (ไทย -2%, เวียดนาม -6%, อิตาลี -4%) ขณะที่แนวโน้มช่วง QTD ของไตรมาส 4/67 มีทิศทางการฟื้นตัวและพลิกกลับเป็นบวกได้ในช่วง 10 วันของเดือน พ.ย.2567
BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 168.00 บาท) คาดว่ากําไรสุทธิจะเติบโตชะลอตัวที่ 2%/4.3% ในปี 68-69 ด้าน ROE ปรับลดลงที่ 7.9%/7.8% ในปี 68-69 จาก 8.1% ในปี 67 และคาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 5.3-5.6% ในปี 67-69 ด้านแนวโน้มผลการดําเนินงานใน 4 ไตรมาส คาดกําไรจะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาลที่ค่าใช้จ่ายการดําเนินงานเพิ่มขึ้น และ รายได้ดอกเบี้ยลดลง แต่กำไรจะปรับสูงขึ้น YoY จากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็นหลัก