หุ้นไทย(ไม่)ไร้เสน่ห์! ตลท. ชู 4 จุดแข็งขับเคลื่อนตลาดหุ้นสู้ศึกภูมิภาค
เปิดศักราชใหม่ พ.ศ.2568 "ปีงูเล็ก" ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขายตั้งแต่วันแรกกดดัชนีร่วงต่ำสลับภาพปรับตัวเพิ่มขึ้น สวนทางต่างชาติซื้อสุทธิกว่า 1,000 ล้านบาท แต่ยังคงวางใจไม่ได้ด้วยนโยบายทรัมป์ ทั้ง การค้าระหว่างประเทศและการจัดเก็บภาษีนำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงนโยบายอื่นๆที่ยังต้องเกาะติดอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนทิศทางการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ที่อาจไม่เป็นดังหวังที่จะเห็นการลดลงเร็ว ซึ่งสอดคล้องกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)ปรับลดคาดการณ์ GDP โลกปี 2568 ลงเล็กน้อยจากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการแยกตัวทางเศรษฐกิจ (Decoupling) อาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกต้องเผชิญความผันผวนและเติบโตช้าลง
ถึงกระนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯยังคงเชื่อมั่นว่า ภาพรวม "ตลาดหุ้นไทย ปี 2568" ด้วยศักยภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย การดึงดูดการลงทุนผ่าน EEC ช่วยให้เม็ดเงินไหลเข้าระยะยาว อีกหนึ่งแรงส่งจากการส่งออกและการท่องเที่ยวที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยหนุนนำตลาดทุนต่อไป
ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและโครงการกลยุทธ์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) เผย 4 จุดแข็งขับเคลื่อนตลาดหุ้น เรื่องแรก คือ สภาพคล่องดี ต่อมา คือ เรื่อง ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย
เรื่องที่สาม คือ ในบางกลุ่มอุตสาหกรรมถือว่ามีจุดขาย อาทิ กลุ่ม HEALTH โรงพยาบาล สุขภาพ ถือว่าดีสุดในภูมิภาค
และ เรื่องสุดท้าย คือ ผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนถือว่าอยู่ในระดับต้นๆเช่นกัน รวมถึงอยู่ในกลุ่มดัชนี DJSI และ FTSE ถือเป็นจุดที่ตลาดหุ้นไทยสามารถแข่งขันได้
ปี "งูเล็ก" โตเท่า "งูใหญ่"
"ปีที่ผ่านมา หุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก แม้ผลประกอบการและสถานะทางการเงินไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ เชื่อหรือไม่ว่าบริษัทจดทะเบียนกว่า 70% มีกำไร และอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำกว่า 1.5 เท่า หุ้นไทยกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทจดทะเบียนมี พี/อี ต่ำกว่า 20 เท่า และเกือบ 30% ของบริษัทจดทะเบียนมี ROE สูงกว่า 10% สิ่งที่จะบอกคือ หุ้นไทยแข่งกับภูมิภาคได้ เพียงแต่ต้องรอให้เอิร์นนิ่งกลับมาดี และติดตามนโยบายของทรัมป์ที่อาจจะยังมีฝุ่นตลบในช่วงไตรมาส 1/2568 แต่หลังจากนั้นน่าจะทำให้หุ้นไทยกลับมาได้เช่นกัน"
ดัชนีปี 67 วูบเพียง 1.1%
บทสรุป ดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 2567 ปิดในระดับที่แทบไม่แตกต่างจากปี 2566 โดย ดัชนี ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 ปิดที่ 1,400.21 จุด ทำให้ช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ดัชนีหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้น 7.6% ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2567 ดัชนีปรับลดลงเพียง 1.1% ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 คือ กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มการเงิน
ขณะที่ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 40,704 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% จากเดือนธันวาคม 2566 ส่วนปี 2567 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน อยู่ที่ 46,551 ล้านบาท ลดลง 12.7% จากปีก่อน อย่างไรก็ตาม เห็นสัญญาณเกี่ยวกับมูลค่าการซื้อขายผู้ลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 10% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมดสามเดือนต่อเนื่อง
ต่างชาติเทขายกว่า 1.4 แสนล้าน
ส่วนนักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ ในเดือน ธันวาคม 2567 อยู่ที่ 10,552 ล้านบาท นับตั้งแต่ต้นปีจนถึง ธ.ค.67 นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 146,906 ล้านบาท
ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี โดยนักวิเคราะห์ประเมินภาพเศรษฐกิจไทยในปี 2567 และ ปี 2568 ยังสามารถขยายตัวได้ดี นำโดยภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว แต่อาจเผชิญความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้าที่สูงขึ้น ทั้งนี้เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลในรอบ 3 เดือน และมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน ภายใต้แคมเปญ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง 2025 Empowering Thais: A Real Possibility” โดยแบ่งนโยบายออกเป็น 2 กลุ่มหลัก รวม 11 นโยบาย ซึ่งน่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อหุ้นในหลาย Sector ที่เกี่ยวข้อง
RS ป่วน! ตลาดหลักทรัพย์ฯ - ก.ล.ต. งัดมาตรการคุมเกมผู้บริหารจำนำหุ้น
ตลท.สร้างความเท่าเทียมผู้ลงทุนทุกกลุ่ม บริการ Co-location เริ่มไตรมาส 2/68
ที่สุดแห่งปี67! หุ้นมาร์เก็ตแคปสูงสุด-ราคาพุ่งทะลุ 100%
สรุปหุ้นไทยปี67 ร่วง -1.10% มาร์เก็ตแคป 17.4 ล้านล้าน ผ่าเกม 2025 ฟื้น ?