"จรีพร" ชี้นโยบายทรัมป์ - DeepSeek แข่งเดือด เข้าทางธุรกิจกลุ่ม WHA
นโยบาย "ทรัมป์ 2.0" สร้างความกังวลไปทั่วโลก หวั่นเกรงสงครามการค้า และสงครามเทคโนโลยีจะเดือดหนักกว่า "ทรัมป์ 1.0" ฉุดเศรษฐกิจโลกทรุด หลายฝ่ายมองว่านี่คือ "วิกฤติของโลก" แต่ในมุมของผู้นำทัพ WHA Group กลับมองว่านี่คือ "โอกาส"
"จรีพร จารุกรสกุล" ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ WHA ยอมรับว่าการกลับมาของ "ประธานาธิปดี โดนัล ทรัมป์" และปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะช่วยสร้างโอกาสการลงทุนเพิ่มขึ้นในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทย
ด้วยพื้นที่ตั้งของไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ ศูนย์รวม Supply Chain ครบวงจร ความพร้อมของระบบสาธารณูปโภค ความมั่นคงทางด้านพลังงาน รวมถึงพลังงานหมุนเวียน แรงงานที่มีคุณภาพ นโยบายการส่งเสริมจากภาครัฐที่เอื้อประโยชน์ต่อนักลงทุนในภาคอุตสาหกรรมหลัก ทั้ง กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมดาต้าเซนเตอร์ สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ คลาวด์เซอร์วิส ฯลฯ ย้ายฐานเข้ามาเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน การแข่งขันในธุรกิจ AI ที่ดุเดือดในขณะนี้หลังมีกระแสของ Deep Seek ของจีน พัฒนาโมเดล AI ที่มีต้นทุนต่ำกว่าหลายบริษัทของสหรัฐฯ ส่วนตัวมองว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจอย่างมาก ด้วยประเทศไทยได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทั้งสองฝั่งไม่ว่าสหรัฐและจีน
โดยในปี 67 ที่ผ่านมา WHA เซ็นสัญญากับลูกค้าดาต้าเซ็นเตอร์รายใหญ่จากอเมริกา และในปี 68 เตรียมเซ็นสัญญาเพิ่มเติมกับกลุ่มทุนจีนเช่นกัน นั่นหมายความว่า แม้เกิดการแข่งขันด้านเทคโนโลยี "ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป"จะได้รับประโยชน์จากทั้งสองฝั่งเช่นกัน
"เรามีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจรที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีความพร้อมในการรองรับการลงทุน อีกทั้งบริษัทยังต่อยอดสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและประโยชน์ต่อลูกค้า คู่ค้า นักลงทุน และมีผู้ส่วนได้เสียทุกฝ่าย ซึ่งการที่เราวางตัวเป็นกลางกับทุกฝ่าย ต้อนรับการเข้ามาลงทุนของทุกคนแบบนี้ดีที่สุด"
กางโรพแมพ 5ปี รายได้ 1.5 แสนล้าน
"ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป" ประกาศแผนธุรกิจ 5 ปี (พ.ศ.2568-2572) เพิ่มเป้ารายได้รวมแตะระดับ 150,000 ล้านบาท เติบโตราว 2.9 เท่า จากปี 2567 คาดทำได้ 100,000 ล้านบาท กลยุทธ์หลักคือการเดินหน้าขยายธุรกิจโลจิสติกส์ โซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจร, นิคมอุตสาหกรรม, สาธารณูปโภคและพลังงาน, ดิจิทัลโซลูชัน เดินหน้านวัตกรรมและเทคโนโลยีครบวงจร
วางเป้าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนน้อยกว่า 1.2 เท่า พร้อมเพิ่มเงินลงทุน 119,000 ล้านบาท จาก 78,500 ล้านบาท รองรับการขยายธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ราว 37,000 ล้านบาท, ธุรกิจโมบิลิตี้ 30,000 ล้านบาท, ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ-ไฟฟ้า) 29,000 ล้านบาท, ธุรกิจโลจิสติกส์ 19,000 ล้านบาท และธุรกิจดิจิทัล 4,000 ล้านบาท เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
สำหรับปี 2568 บริษัทตั้งเป้ารายได้และส่วนแบ่งกำไรของกลุ่มฯ แตะระดับ 20,000 ล้านบาท เติบโต 35% จากปี 2567 คาดทำได้ 14,400 ล้านบาท คงอัตรากำไร (EBITDA Margin) มากกว่า 45% จากปีก่อนที่ทำได้ 55% โดยเติบโตจาก "ธุรกิจนิคมฯ" ตั้งเป้ายอดขายที่ดินปีนี้ 2,350 ไร่ จากปีก่อนทำได้ 2,565 ไร่ แบ่งเป็นยอดขายที่ดินในไทย 1,700 ไร่ และเวียดนาม 650 ไร่
"เราอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ามากกว่า 100 ราย และมีลูกค้ารายใหญ่ๆที่ต้องการซื้อที่ดิน 400-600 ไร่ ซึ่งในปีที่ผ่านมาเซ็นสัญญาขายที่ดินไปแล้วกว่า 1,000 ไร่ คาดว่าจะประกาศอย่างเป็นทางการได้ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์นี้"
ต่อมาคือ "ธุรกิจโลจิสติกส์" คาดว่าจะเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเป็น 3,309,000 ตารางเมตร โดยมีโครงการให้เช่าพื้นที่ใหม่ 200,000 ตารางเมตร และมีแผนการขายสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART รวมทั้งสิ้น 70,000 ตารางเมตร คิดเป็นมูลค่า 1,500 ล้านบาท
ขณะที่ "ธุรกิจโมบิลิตี้" ในปีนี้คาดว่ามีรถ EV ภายใต้การบริการเช่ารถมากกว่า 1,700 คัน จากปีที่ผ่านมาให้บริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 318 คัน พร้อมตั้งเป้า 5 ปีต้องให้บริการเช่ารถ EV ทั้งหมด 20,000 คัน
"ธุรกิจสาธารณูปโภค" ตั้งเป้ายอดการจำหน่ายและบริหารจัดการน้ำรวมที่ประมาณ 173 ล้านลูกบาศก์เมตร แบ่งเป็นภายในประเทศประมาณ 132 ล้านลูกบาศก์เมตร และในเวียดนามประมาณ 41 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนธุรกิจไฟฟ้าตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมที่ลงนามแล้วเป็น 1,185 เมกะวัตต์ (MW) หรือเพิ่มขึ้น 220 MW จากปี 67 ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมที่ลงนามแล้ว 965 MW
และ "ธุรกิจดิจิทัล" ตั้งเป้ายอดการใช้งานโมบิลิกส์แพลตฟอร์มในปีนี้จำนวน 900 คัน และเพิ่มเป็น 6,000 คันในอีก 5 ปีข้างหน้า พร้อมทั้งพัฒนา 5 แอปพลิเคชันใหม่ให้บริการภายใน WHA Group
อย่างไรก็ดี บริษัทตั้งเป้าหมายงบลงทุนในปี 2568 นี้ อยู่ที่ 20,000 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจโมบิลิตี้ และธุรกิจสาธารณูปโภค
