
นายกฯ ถก ตลท.-ก.ล.ต.-DSI เดินหน้าฟื้นเชื่อมั่นตลาดทุนไทย
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI
ได้เข้าพบ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลวันนี้ (17 มีนาคม 2568) เพื่อรายงานสถานการณ์ตลาดทุนไทยในปัจจุบัน พร้อมนำเสนอความคืบหน้าของมาตรการต่างๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ตลาดทุนไทย
ในโอกาสนี้ ได้รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการในคดีต่างๆในตลาดทุน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้นำเสนอโครงการที่ได้ดำเนินการเพื่อพัฒนาตลาดทุนและบริษัทจดทะเบียน ได้แก่ โครงการ JUMP+ ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทจดทะเบียน เพื่อสร้างการเติบโตให้กับตลาดทุนไทย และรายงานความคืบหน้าการปรับปรุงมาตรการและเกณฑ์ต่างๆ
ล่าสุดอยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็น “การทบทวนการกำกับดูแลการขายชอร์ต และ HFT” เพื่อให้มาตรการกำกับดูแลเหมาะสมกับสภาวะการซื้อขายในปัจจุบัน ซึ่งเปิดให้แสดงความคิดเห็นจนถึง 31 มีนาคม 2568
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ติดตามความคืบหน้าคดีที่มีผลกระทบทางเศรษฐกิจและส่งผลต่อคนจำนวนมาก เช่น STARK รวมทั้งติดตามมาตรการในการสร้างความน่าสนใจให้กับตลาดหุ้น และกำชับให้มีการดำเนินการอย่างเคร่งครัดกับบริษัทจดทะเบียนที่ปฏิบัติไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่น การกระจายการถือหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นรายย่อย (free float)
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ได้รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบว่า ในช่วงที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้มีการปรับกระบวนการทำงานภายในให้กระชับและรวดเร็วขึ้น ซึ่งเห็นผลเป็นรูปธรรมว่ามีการดำเนินการที่รวดเร็วขึ้น เช่น ตั้งแต่ต้นปี 2568 ได้บังคับใช้กฎหมายจำนวน 15 กรณี โดยมีผู้กระทำผิดประมาณ 40 ราย สำหรับระยะเวลาในการดำเนินการโดยเฉลี่ยสั้นลง และบางกรณีใช้เวลาน้อยกว่า 1 ปี
นอกจากนี้ ได้ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการดำเนินมาตรการกำกับดูแลการซื้อขายในตลาดหุ้นให้เกิดความเป็นธรรมโปร่งใส รวมทั้ง ก.ล.ต. ยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงหลักเกณฑ์การรายงานข้อมูลของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนกรณีนำหุ้นไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในธุรกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ลงทุนได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมายหลักทรัพย์เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุนไทยให้เข้มแข็ง