posttoday

InnovestX หั่นเป้าหุ้นไทย 1350 จุด ภาษีทรัมป์ฉุดจีดีพีหลุด 2.5%

01 เมษายน 2568

InnovestX มองหุ้นไทยไตรมาส 2/68 ฟื้น ก่อนย่อตัวในครึ่งปีหลัง หั่นเป้าดัชนีปี 68 เหลือ 1,350 จุด จาก 1,550 จุด จับตาภาษีทรัมป์ เตรียมประกาศ 2 เม.ย.นี้ ฉุดจีดีพีต่ำกว่า 2.5%

KEY

POINTS

  • ปิดไตรมาส 1/68 หุ้นไทย ลดลง 242.12 จุด หรือลดลง 17.29% นับจากต้นปี 68 มาร์เก็ตแคปวูบกว่า 3 ล้านล้านบาท
  • InnovestX มองหุ้นไทยไตรมาส 2/68 ฟื้นตัว เป็นการรีบาวด์ระยะสั้น ก่อนที่จะย่อตัวในครึ่งปีหลัง โดยหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะตลาดหมี ยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดกระทิง
  • หั่นเป้าดัชนีปี 68 เหลือ 1,350 จุด จาก 1,550 จุด เผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก
  • แผ่นดินไหวไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ จับตาภาษีทรัมป์ เตรียมประกาศ 2 เม.ย.นี้ ฉุดจีดีพีไทยต่ำกว่า 2.5%

ดัชนีตลาดหุ้นไทย วานนี้ (31 มี.ค.) ปิดตลาดที่ 1,158.09 จุด ปรับลดลง 17.36 จุด หรือปรับลดลง 1.32% มูลค่าการซื้อขาย 40,260.73 ล้านบาท ระหว่างวันขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 1,169.09 จุด และลงไปต่ำสุดที่ 1,155.05 จุด

ดังนั้นหากนับตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงวันที่ 31 มี.ค.2568 (YTD : Year to Date) หรือปิดไตรมาส 1/2568 ปรับตัวลดลง 242.12 จุด หรือลดลง 17.29% จากสิ้นปี 2567 ปิดที่ 1,400.21 จุด   

ทางด้านมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ณ วันที่ 31 มี.ค.2568 อยู่ที่ 14,427,775.35 ล้านบาท หรือลดลง 3,005,978.10 ล้านบาท จากสิ้นปี 2567 อยู่ที่ระดับ 17,433,753.45 ล้านบาท 

โดยบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) เปิดเผยมุมมองเศรษฐกิจและกลยุทธ์การลงทุนประจำไตรมาส 2 ปี 2568 ภายใต้ธีม “Reversal of Fortune – ลมเปลี่ยนทิศ” 

นายสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา หัวหน้านักลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า SET Index มีโอกาสฟื้นตัวในไตรมาส 2/2568 จากมาตรการจากภาครัฐ และ valuation ที่น่าดึงดูด โดยปรับตัวลงต่ำกว่าระดับก่อนเกิด COVID-19 ทำให้เริ่มกลับมาน่าสนใจในแง่มูลค่า แม้ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงกดดันจากปัจจัยเชิงโครงสร้างและความไม่แน่นอนด้านภาษีการค้า

ส่วนในครึ่งหลังของปี 2568 คาดว่าจะย่อตัวจากครึ่งปีแรก เนื่องจากการบังคับใช้ภาษีศุลกากรสหรัฐฯ ในครึ่งแรกของปี 2568 จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของ GDP และผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ในครึ่งหลังของปี 2568

รวมทั้งการเก็บภาษีศุลกากรในวงกว้างจะทําให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและกระตุ้น sentiment “risk off” ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ และอาจทำให้ธนาคารกลางพิจารณาท่าทีในการลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง 

นอกจากนี้ คาดว่าอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะมีความผันผวนสูง ซึ่งจะส่งผลทำให้ภาวะการเงินตึงตัวขึ้นผ่านทางอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจและกำไรคาดว่าจะเริ่มกลับสู่ภาวะปกติโดยเฉพาะประเทศในเอเชีย เศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องด้วยแรงหนุนจากรัฐบาล

อีกทั้งคาดว่าวงจรการเติบโตของกลุ่มเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์จะชะลอตัวลง และอาจเข้าสู่วงจรขาลงเริ่มตั้งแต่ครึ่งปีหลัง และ Valuation เผชิญกับความท้าทายเพิ่มมากขึ้น คาดว่าตลาดโดยรวมจะมีแนวโน้มปรับตัวลดลง จุดโฟกัสน่าจะย้ายมาอยู่ที่การเติบโตตามปัจจัยพื้นฐาน การกระจายความเสี่ยง และธีม domestic play

InnovestX หั่นเป้าหุ้นไทย 1350 จุด ภาษีทรัมป์ฉุดจีดีพีหลุด 2.5%

ดังนั้น ปรับลดเป้าหมาย SET Index ในปี 2568 ลงเหลือ 1,350 จุด จากเดิม 1,550 จุด เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่เผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะแรงกดดันจากแรงกดดันนโยบายการค้าของสหรัฐ

“มองว่าหุ้นไทยไตรมาส 2/2568 จะฟื้นตัว เป็นการรีบาวด์ระยะสั้น ก่อนที่จะย่อตัวในครึ่งปีหลัง โดยหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะตลาดหมี ยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดกระทิง สิ่งที่จะทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้ คือจะต้องไม่ขึ้นดอกเบี้ย เศรษฐกิจขยายตัว เงินบาทแข็งค่าขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลงโดยไม่คำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและการไหลเข้าของเม็ดเงินจากต่างประเทศ” นายสิทธิชัย กล่าว 
 
โดย InnovestX แนะนำให้นักลงทุนเน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพสูง มีรายได้หลักจากในประเทศ และได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หุ้นเด่นที่แนะนำในไตรมาสนี้ ได้แก่ BCH  กลุ่มโรงพยาบาลเชิงรับ พร้อมรายได้จากในประเทศ CPALL, CPF หุ้นบริโภคในประเทศที่ยังมีแนวโน้มฟื้นตัว KTB, TRUE กลุ่มธนาคารและเทคโนโลยีที่มีความแข็งแกร่ง

สำหรับต่างประเทศ พร้อมแนะนำลงทุนในตลาดจีนและ Emerging Markets ที่ได้รับแรงหนุนจากนโยบายภาครัฐ โดยเน้นไปที่บริษัทที่มีเงินปันผลสูง มีสัดส่วนรายได้ภายในประเทศสูงและมีลักษณะเชิงรับ ได้แก่ Verizon, UnitedHealth, Iberdrola, Hong Kong Exchange, Trip.com, Tencent, Alibaba

นายปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า ภาพเศรษฐกิจโลกที่กำลังเปลี่ยนทิศทางอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเคยเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในช่วงที่ผ่านมา สวนทางกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจากมาตรการกระตุ้นเชิงรุก ขณะที่ยุโรปเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ “Mild Stagflation” ซึ่งเป็นภาวะที่การเติบโตชะลอตัว ด้านเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงกว่ากรอบเป้าหมาย 

ด้านผลกระทบจากแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค.2568 InnovestX ประเมินว่าเกิดขึ้นจำกัดในระยะสั้น โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวที่อาจสูญเสียรายได้ราว 10-15% ภายใน 2 สัปดาห์ และอาจกระทบต่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยใช้เวลาประมาณ 1 เดือน จึงฟื้นตัว 

“แผ่นดินไหวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับสงครามการค้า โดยเฉพาะพรุ่งนี้ (2 เม.ย.2568) รัฐบาลทรัมป์ประกาศรายชื่อ 15 ประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐ (Dirty 15) มองว่านโยบาย Reciprocal Tariffs ของสหรัฐฯ เป็นความเสี่ยงหลักต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ มากกว่าภัยธรรมชาติ” นายปิยศักดิ์ กล่าว 

ทั้งนี้ จากการประเมินของ InnovestX พบว่า ปัจจุบันคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะยังคงเติบโต 2.5% หากรัฐบาลสหรัฐไม่เก็บภาษีเพิ่มเติม และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ย 1 ครั้ง สู่ระดับ 1.75% แต่หากสหรัฐฯ เก็บภาษีกับไทย 6% และ กนง. ลดดอกเบี้ยลงอีก 2 ครั้ง สู่ระดับ 1.50% เศรษฐกิจไทยอาจเติบโต 2.2% 

หากสหรัฐฯ เก็บภาษีกับไทย 10% และ กนง. ลดดอกเบี้ยลงอีก 3 ครั้ง สู่ระดับ 1.25% เศรษฐกิจไทยอาจเติบโต 1.7% และหากสหรัฐฯ เก็บภาษีกับไทย 16% และ กนง. ลดดอกเบี้ยลงอีก 4 ครั้ง สู่ระดับ 1.00% เศรษฐกิจไทยอาจเติบโต 1.3% 

InnovestX หั่นเป้าหุ้นไทย 1350 จุด ภาษีทรัมป์ฉุดจีดีพีหลุด 2.5%

นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า ไตรมาส 2/2568 เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะมาตรการภาษีนำเข้าที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและตลาดแรงงาน สร้างแรงกดดันต่อหุ้นโลก รวมถึงสหรัฐ 

ขณะที่จีนกำลังแสดงสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นผ่านมาตรการกระตุ้นเชิงรุก โดยรัฐบาลจีนตั้งเป้าหมาย GDP ที่ 5% พร้อมทั้งออกพันธบัตรพิเศษระยะยาวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านสหภาพยุโรป มีแนวโน้มฟื้นตัวหลังจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์เริ่มลดลง 

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญแรงกดดันจากภายนอก ทั้งจากความตึงตัวของภาวะทางการเงิน รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาจนอยู่ในระดับที่น่าสนใจและคาดมีโอกาสฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 2/2568

นายรัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงาน Wealth Products & Strategy บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า ไตรมาส 2/2568 ตลาดการลงทุนยังเผชิญความผันผวนสูงจากมาตรการภาษี Reciprocal Tariffs ของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบเงินเฟ้อและเศรษฐกิจโลก แม้ภาคเทคโนโลยียังมีแนวโน้มแข็งแกร่ง แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจถูกกดดันจากความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ที่เพิ่มสูงขึ้นจากสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรง 

ดังนั้น ทำให้ InnovestX แนะนำปรับลดสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เนื่องจากมีความน่าสนใจลดลง และมีความเห็นเป็นกลางกับหุ้นไทยแต่เริ่มมอง downside จำกัดและมีโอกาสฟื้นตัวได้ระยะสั้น 

ขณะเดียวกัน มีมุมมองด้านบวกสำหรับตลาดจีน โดยเฉพาะหุ้น A-Shares เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐและการหันกลับมาสนับสนุนภาคเอกชน และสำหรับตลาดเวียดนามจากประเด็นโอกาสการยกระดับตลาดหุ้นขึ้นสู่ Emerging market พร้อมแนะนำกระจายพอร์ตสู่สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ตราสารหนี้ ซึ่งมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่มั่นคงในภาวะความผันผวนสูง 

ทั้งนี้ หุ้นเชิงรับ (Defensive Stocks) อย่าง Healthcare และ Utility คาดว่าจะยังคงให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นเติบโต (Growth Stocks) โดยนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงสามารถพิจารณากองทุนตราสารหนี้ เช่น UGIS-N ควบคู่กับกองทุนหุ้นต่างประเทศ อย่างหุ้นจีน A-Sharesกองทุน KFCSI300-A และหุ้นเวียดนาม กองทุน PRINCIPAL VNEQ-Aรวมถึงกองทุนหุ้นเชิงรับอย่าง  LHHEALTH-A ซึ่งเน้นกลุ่ม Healthcare เพื่อสร้างสมดุลพอร์ตในภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน