มิตรแกล้งโง่

โดย...ธรรมสถิตย์ ผลแก้ว

ตั้งแต่ แดเนียล รัสเซล ผู้แทนสหรัฐประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออก เดินสายพบบุคคลทางการเมืองไทย โดยเฉพาะการเปิดบ้านพักเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้บอกเล่าสถานการณ์ทางการเมืองในมุมของตนเอง

ก็ดูเหมือนสหรัฐแสดงแอ็กชั่นหลายต่อหลายอย่างเพื่อกดดันไทยต่อเนื่อง ทั้งเรียกร้องให้เลิกกฎอัยการศึก ทั้งใช้ประเทศไทยผ่านเวทีสถาบันอุดมศึกษา แสดงภูมิปัญญาประชาธิปไตยต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

มาล่าสุดโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐแถลงแสดงความเป็นห่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่นในทำนองว่า หลังเลือกตั้งกองทัพจะกลับมามีบทบาทอีก ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นตามนั้น  

แต่ขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวสหรัฐมาพร้อมกระแสข่าวลือ เช่น เตรียมยื่นมือช่วยนักการเมืองไทยที่มีคดีทุจริตลี้ภัยไปสหรัฐ หรือแม้กระทั่งเปิดพื้นที่ให้นักการเมืองไทยที่หลบหนีคดีทุจริตให้สัมภาษณ์โจมตีประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตยระลอกแล้วระลอกเล่า

รัฐบาลไทยพยายามใช้วิธีการทูตด้วยการเชิญอุปทูตสหรัฐมารับฟังข้อมูลข้อเท็จจริงอีกด้าน แม้กระทั่งออกมาขอร้องไม่อยากนำประเด็นการเมืองมาถกเถียงจนกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศ แต่น่าแปลกใจสหรัฐยังคงไม่เข้าใจต่อสิ่งที่ไทยสื่อสาร

ครั้งหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ เคยย้อนถามผู้แทนสหรัฐช่วยตอบหน่อยว่า ถ้าเลิกกฎอัยการศึกแล้วเกิดเหตุความวุ่นวายในบ้านเมืองจะแก้ไขอย่างไรก็ไม่มีเสียงตอบรับจากสหรัฐ ได้แต่ท่องคัมภีร์อยากเห็นการเลือกตั้งตามสไตล์สุภาพบุรุษประชาธิปไตยอย่างเดียว

จึงทุบโต๊ะได้เลยว่า บรรดาผู้แทนสหรัฐกำลังเล่นบทแกล้งโง่ เพื่อหวังผลประโยชน์ฝ่ายเดียว โดยไม่คำนึงว่าบ้านนี้เมืองนี้จะวายวอดอย่างไรก็ช่างมันไปก่อน