Unwind US Dollar
โดย...บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย
โดย...บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย
วันที่ 30 พ.ย.59 ติดตามการประชุมกลุ่ม OPEC ตลาดยังคงคาดหวังผลการประชุมเชิงบวกว่าจะบรรลุข้อตกลงในการลดกำลังการผลิต คาดจะเป็นตัวช่วยหนุนราคาน้ำมัน WTI เดินหน้าขึ้นทดสอบ 49 และ 50 เหรียญต่อบาร์เรลได้ แต่ควรต้องระวังแรง Sell on Fact ที่จะเกิดขึ้นหลังการประชุมเสร็จสิ้น
การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆของสหรัฐ วันที่ 29 พ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค 30 พ.ย. รายงานดัชนีวัดเงินเฟ้อ PCE (USD Personal Consumption Expenditure) วันที่ 1 ธ.ค. รายงาน ISM ภาคการผลิต และวันที่ 2 ธ.ค. ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (ตลาดคาดจะเพิ่ม 1.7 แสนตำแหน่ง) และอัตราว่างงาน (ตลาดคาด 4.9%) มองตัวเลขทั้งหมดจะมีผลต่อตลาดและการพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในการประชุม FOMC 13-14 ธ.ค.59
การประชุม FOMC รอบ 13-14 ธ.ค.59 มองประเด็นเรื่องการพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยจะไม่มีผลต่อตลาดมากนัก เนื่องจากตลาดให้น้ำหนัก 100% ไปแล้วว่า Fed ขึ้นดอกเบี้ยแน่นอน ซึ่งสิ่งที่ตลาดกำลังรอติดตามจะเป็น การแถลงของประธาน Fed เกี่ยวกับแนวโน้มการดำเนินนโยบายว่าจะเป็นลักษณะใด การคาดการณ์ดอกเบี้ยของคณะกรรมการ Fed ในรูป Dot Plot และการคาดการณ์ GDP Growth และเงินเฟ้อของ Fed ซึ่งทั้งหมดจะมีผลต่อ US Dollar รวมไปถึงสกุลเงินต่างๆ และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลต่างๆของโลก
มอง US Dollar วันนี้มีโอกาสถูก Take Profit หลังตลาดอิ่มตัวกับเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งน่าจะทำให้เงินบาทแข็งค่าลงระดับหนึ่ง บรรเทาความกังวลว่า Fund Flow จะไหลออก โดยเริ่มเห็นสัญญาณดีจากการซื้อสุทธิในตราสารหนี้ครั้งแรกในรอบ 11 วันของนักลงทุนต่างประเทศกว่า 2.2 พันล้านบาท โดยเป็นการซื้อในตราสารอายุต่ำกว่า 1 ปี 3.3 พันล้านบาท (สะท้อนว่ามีนักลงทุนต่างประเทศบางส่วนเริ่มหันกลับมาเก็บเงินบาทบ้างแล้ว) ซึ่งปัจจัยนี้น่าจะทำให้การปรับฐานของ SET Index ไม่น่าลงต่ำกว่า 1,484 จุดมากนัก และมีโอกาสที่แรงขับเคลื่อนจากกระแสเงินลงทุนในประเทศที่ยังดีอยู่จะขับเคลื่อนดันดัชนีขึ้นทดสอบ 1,500 จุดได้อีกครั้ง อย่างไรก้ตามในระยะถัดไป US Dollar จะกลับไปแข็งค่าอีกครั้ง ทั้งช่วงก่อนการประชุม FOMC 13-14 ธ.ค. และช่วงก่อนการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ 20 ม.ค.60 รวมไปถึงช่วงที่นโยบายของทรัมป์มีความชัดเจน ซึ่งจะส่งผลให้สกุลเงินต่างๆต้องอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง และกระทบต่อภาพการลงทุนทั่วโลก
ส่วนในประเทศที่ต้องติดตามคือการออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลกำลังเร่งออกมาตรการต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือประชาชนทุกระดับ โดยเริ่มจากระดับผู้มีรายได้น้อย การให้เงินช่วยเหลือแก่ผู้มีรายได้ต่ำจำนวน 5.4 ล้านรายวงเงินกว่า 1.275 หมื่นล้านบาท (ครม.เห็นชอบไปแล้วเมื่อวันที่ 23 พ.ย.) ส่วนประชาชนมีรายได้ปานกลาง-สูง และเป็นผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คาดว่าจะมีการเสนอมาตรการหักลดหย่อนภาษี เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย กิน ช็อบ เที่ยว ช่วงปลายปี รวมไปถึงการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว การดำเนินการลดค่าธรรมเนียมวีซ่า (ครม.เห็นชอบไปแล้วเมื่อวันที่ 23 พ.ย.) และการเร่งรัดการประมูลโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ โดยมีความเป็นไปได้ที่จะรู้ผลการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพู (ตามแผนเดิมจะรู้ผลภายในไตรมาส 1 ปีหน้า)
ด้วยมาตรการต่างๆทั้งที่ ครม.เห็นชอบแล้ว และที่กำลังเตรียมเข้าเสนอให้ ครม. พิจารณา คาดว่าจะหนุนกลุ่มอุตสาหกรรมที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic) ทั้งค้าปลีก MEGA ROBINS GLOBAL CPN CPALL สาธารณูปโภค PTG อาหาร TKN CBG รับเหมาฯ CK เป็นต้น