อะไรนะ! ทักษิณ วางเป้าเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อไทยแค่ 200 เสียง ?
การประกาศเป้าพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส. 200 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งครั้งหน้าน่าตกใจไม่น้อย ไม่น่าเชื่อว่า คนอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ที่เคยวางยุทธศาสตร์ทางการเมือง ต้องชนะแบบถล่มทลาย ต้องชนะแบบแลนด์สไลด์ จะวางตัวเลขยอด ส.ส. ไว้ที่ 200 คน ตัวเลขนี้ส่อนัยทางการเมืองอะไรบ้าง
การประกาศบนเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยนาย ศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครชิงนายก อบจ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมาว่า ของทักษิณ ชินวัตร ในการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยภายใต้การบริหารของนายก แพทองธาร ชินวัตร จะได้เก้าอี้ ส.ส. 200 ที่นั่ง ... ทำให้เกิดกระแสความร้อนแรงทางการเมืองขึ้นมาทันที ไม่ว่าพรรคการเมืองคู่แข่ง หรือ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และเป็นนัยทางการเมืองที่น่าจับตายิ่ง
การประกาศเป้า ส.ส. 200 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งครั้งหน้าน่าตกใจไม่น้อย ไม่น่าเชื่อว่า คนอย่าง ทักษิณ ชินวัตร หลังจากที่กระโดดเข้าสู่เวทีการเมือง ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีได้ตั้งแต่ ปี 2544 และ สามารถนำพา พรรคไทยรักไทยครองเสียง ส.ส.ในการเลือกตั้ง 2548 มากสุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ถึง 377 เสียง สามารถ จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวเป็นครั้งแรก ของการเมืองไทย หลังจากนั้น ยุทธศาสตร์ของพรรคการเมืองในสังกัดทักษิณ ชินวัตร ต่างตั้งเป้าหมายในการเลือกตั้ง ต้องการชนะแบบถล่มทลาย แบบแลนด์สไลด์ตลอดมา
ด้วยหลักคิดที่ว่า หากได้เสียง ส.ส.มากจนกระทั้งจัดตั้งรัฐบาลด้วยพรรคการเมืองเดียว จะสามารถดำเนินนโยบาย บริหารงานได้ตามที่ต้องการ ไม่ต้องกังวลเรื่องความมั่นคงของรัฐบาล แต่ ครั้งนี้ ทักษิณ ประกาศ เพื่อไทย จะได้ส.ส. 200 ที่นั่ง ต่ำกว่า เกณฑ์ครึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส.ทั้งหมดในปัจจุบันที่ 500 คน ไปหลายเก้าอี้ทีเดียว....เกิดอะไร ?
การประกาศเป้าหมายจำนวน ส.ส. 200 ที่นั่งเท่ากับยอมรับว่า ในอนาคต กระแสนิยมต่อพรรคการเมืองในสังกัดไม่อาจสร้างปรากฏการณ์อย่างในอดีตใช่หรือไม่ เท่ากับยอมรับว่า ในอนาคต พรรคเพื่อไทย หากมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล ก็จะเป็นการตั้งรัฐบาลผสม จำต้องดึงพรรคการเมืองอื่นเข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยเสี่ยงที่มั่นคงระดับหนึ่งใช่หรือไม่
การประกาศตัวเลข 200 เสียง เท่ากับยอมรับว่า กลุ่มก้อนพลังมวลชนที่เคยสนับสนุน พลังการเมืองที่มีทักษิณ เป็นศูนย์กลาง ถึงวันนี้ ไม่หนาแน่นดังอดีต ยอมรับว่ามวลชนมีการแปรเปลี่ยนไปสนับสนุนพรรคการเมืองอื่น และเมื่อย้อนมองการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่ผ่านมา ผลการเลือกตั้งย่อมเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้ ทักษิณจำต้องยอมรับ เพราะ เป็นครั้งแรกที่ พรรคในสังกัด คือ พรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้ให้กับ พรรคก้าวไกลเป็นครั้งแรก โดย เพื่อไทยได้เสียงส.ส.มารวม 141 ที่นั่ง ได้คะแนนร่วมทั่วประเทศ 10.96 ล้านเสียง พ่ายให้กับ ก้าวไกลที่ได้จำนวน ส.ส.ถึง 151 ที่นั่ง คะแนนรวมทั่งประเทศถึง 14.43 ล้านเสียง
ที้งนี้ในการเลือกตั้ง2566 ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย วางเป้าหมายชัดเจนว่า ต้องการชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ อย่างน้อยต้องได้ที่นั่งส.ส.280 เสียง โดยเป้าสูงสุด 310 เสียง และประกาศนโยบายหาเสียงชัดเจนว่า เพื่อหยุดการสืบทอดอำนาจจากกลุ่มเผด็จการ ที่ยึดอำนาจมาตั้งแต่ปี 2557 จนมาถึงรัฐบาล ที่มีพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นแกนนำ ในการเลือกตั้งปี 2562 หลังการเลือกตั้ง 2566 ในการจัดตั้งรัฐบาล เกิดเหตุการณ์ ฉีกสัตยาบรรณ พรรคเพื่อไทยหันมาจับมือ กับพรรคการเมืองที่เคยกล่าวหาว่าเป็นพรรคของเผด็จการสืบทอดอำนาจ นับเป็นบาทแผลที่ขยายจากกลุ่มมวลชนฐานเสียงมากกว่าเดิม ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ เพื่อไทยจะได้คะแนนเสียงถล่มทลายแบบเดิม
นอกจากนี้ ด้วยสถานะของทักษิณ ในปัจจุบันเคยถูกพิพากษาจำคุก และยังมีคดีติดตัวถูกฟ้องร้องในคดี ม.112 กรณีให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลี ยังอยู่ในขั้นตอนไตร่สวนของศาล ดังนั้นการเข้ามามีบทบาทในทางการเมืองโดยตรง ไม่สามารถทำได้ อำนาจเต็มแบบในอดีตไม่มีอีกแล้ว การเดินเกมทางการเมืองในปัจจุบันยังต้องระแวดระวัง ข้อกฎหมาย ที่บรรดานักร้องจ้องทำนิติสงครามตลอดเวลาหากก้าวผิด
ที่สำคัญในการใช้นิติสงคราม ของกลุ่มต่อต้านทักษิณ ยังเป็นที่จับตาโดยเฉพาะ วันที่ 22 พ.ย.นี้ ที่ศาลฯจะพิจารณารับคำร้อง ของ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ที่ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยสั่งการปม“ทักษิณ”ล้มล้างการปกครองฯ อันจะนำไปสู่การยื่นยุบพรรคเพื่อไทยอีกด้วย
ปมถูกร้อง “ทักษิณ”ล้มล้างการปกครองฯ และจะนำไปสู่การยื่นยุบพรรคเพื่อไทยนั้น ถูกนักสังเกตุการณ์ทางการเมือง มองว่า เป็นเหตุจำให้ทักษิณ ชินวัตร จากที่เคยหลบเร้นตัวเองหลัง ลูกสาว แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นมานั่งเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ จาก เศรษฐา ทวีสิน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งเหตุผิดจริยธรรมร้ายแรงกรณีตั้งรัฐมนตรีที่ขาดคุณสมบัติเข้าดำรงตำแหน่ง ออกมาเอ็กชั่นทางการเมืองอย่างเข้มข้น ในเวทีหาเสียงนายก อบจ.อุดรเมื่อวันที่ผ่านมา เพื่อต้องการแสดงให้เห็นถึงบทบาทของ พรรคเพื่อไทย ที่จะเป็นกำลังหลักในการต่อสู้ทางการเมืองกับพรรคการเมืองฝั่งตรงข้าม แสดงบทบาทของพรรคอนุรักษ์นิยมใหม่อย่างเต็มที่
อนาคตทางการเมือง ยังไม่อาจสรุปได้ในเร็ววัน แต่วันนี้ จากนัยที่แสดงออก จากการประกาศเป้า ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า จำนวน 200 เสียง ย่อมสะท้อนถึง การยอมรับถึงปัจจัย ความมั่นใจที่น้อยลงของคนที่เคยมั่นใจในทางการเมืองสูงลิ่วอย่าง ทักษิณ ชินวัตร .....