มองการเมือง มองเลือกตั้ง66 มองเกมแห่งอำนาจ
ความสำคัญของการเลือกตั้งครั้งหน้าจุดที่สำคัญที่สุด ที่ทุกพรรคการเมืองต่างรู้ดีก็คือ ต้องมีจำนวนส.ส.ให้มากที่สุด เพราะจำนวน ส.ส. นั้นหมายถึงโอกาส ที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เป็นโอกาสถูกเลือกให้ร่วมรัฐบาล เป็นโอกาสของพรรคการเมืองสำหรับการต่อรองเก้าอี้ รัฐมนตรี
การเมืองไทยเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งอย่างเข้มข้นก่อนจะมีการประกาศกำหนดวันเลือกตั้ง ด้วยเงื่อนเวลาไม่ว่านายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาจะออกลีลาลากยาวไปเพียงใดก็ตามแต่ กูรูการเมืองฟันธงกันแล้วว่า จะประกาศยุบสภาก่อนครบกำหนดเวลาวาระรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญที่จะตรงกับวันที่ 23 มีนาคม 2566 อย่างแน่นอน เพื่อชิงความได้เปรียบคงสถานะความเป็นรัฐบาลรักษาการ ที่สามารถใช้อำนาจใช้ทรัพยากรของรัฐต่อไปได้ ซึ่งจะส่งผล จะเอื้อต่อคะแนนนิยม ในการลงคะแนนการเลือกตั้งไม่มากก็น้อย ส่วนจะเป็นการยุบสภาวันใหน จะอิงตามความเชื่อของท่านผู้นำที่อุตส่าห์ไปหา "ราชาฤกษ์" มาได้ตรงกับวันที่ 14 ก.พ.2566 และวันที่ 22 มี.ค.2566 อันนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกว่า จะให้คนพูดถึงแบบใหน หรือเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งมากน้อยเพียงใด
ส่วนความเคลื่อนไหว ของบรรดาพรรคการเมือง นักเลือกตั้งทั้งหลาย มีการขยับปรับตัวเพื่อเตรียมรับมือกับการเลือกตั้งมาตั้งแต่ผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาถึงรูปแบบการเลือกตั้งที่จะใช้ในการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงในปี 2566 นี้ว่า จะมีการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 400 เขต และ ส.ส.บัญชีเลือกตั้ง 100 ที่นั่ง ตามสูตร บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แยกเขตแยกพรรค ส่งผลให้บรรดาพรรคการเมืองปรับตัวกันขนานใหญ่ บรรดาพรรคเล็ก พรรคใหม่หาทางยุบพรรครวมพรรคกันจ้าละหวัน ส่วนพรรคใหญ่มีกำลังเยอะ ก็ออกแรงทั้งสูบทั้งดูดทั้งดึง บรรดาว่าที่ผู้สมัครที่มีชื่อเสียง มีฐานคะแนนมีกลุ่มก้อนกันยกใหญ่ มูลค่าของว่าที่ผู้ทรงเกียรติขยับปรับขึ้นไปสูงหลักเกือบร้อยล้านทีเดียว ปรากฏการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น จึงเป็นบรรยากาศเดิมๆที่เราคุ้นเห็นกันมาตลอด
จริงอยู่ว่าปัจจุบัน แม้คนรุ่นใหม่ที่อาสาเข้ามาเป็นคนการเมืองจะมีมากขึ้น มีพรรคการเมืองใหม่เข้ามาเป็นทางเลือกเพิ่มขึ้น แต่ ภายใต้โครงสร้างการเมืองแบบเดิม กฎกติกาเดิม ทำให้การเปลี่ยนแปลงไปสู่แนวทางความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ประชาธิปไตยที่ยึดโยงกับอำนาจประชาชน ผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นของประชาชนอย่างแท้จริงเป็นเรื่องยาก
การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น คาดเดาได้ไม่ยากว่า ไม่มีทางที่จะมีพรรคการเมืองใดชนะการเลือกตั้งแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แม้จะมีพรรคการเมืองใหญ่อย่าง เพื่อไทย พยายามเดินยุทธศาสต์หวังจะชนะการเลือกตั้ง โดยตั้งแคมเปญ เลือกให้ขาด ชนะแบบแลนด์สไลด์ ออกนโยบายประชานิยมมาดึงคะแนนเสียงมากน้อยเท่าใดก็ตาม
การเมืองไทย ยังคงวนเวียนอยู่กับสูตรคณิตศาสตร์ทางการเมือง หลังการเลือกตั้งเมื่อผลการเลือกตั้งออกมา ยังคงมีการต่อสู้เพื่อแย่งรวบรวมเสียงมาเป็นพรรคเป็นพวกเพื่อแข่งกันจัดตั้งรัฐบาลอย่างดุเดือดเช่นเดิม ยิ่งกลุ่มการเมืองเดิม ที่มีฐานมีเสียง สว.เป็นเครื่องมือในการเลือกนายกรัฐมนตรีอยู่ตามเงื่อนไขของกฎหมายรัฐธรรมนูญด้วยแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งหน้า
ดังนั้นความสำคัญของการเลือกตั้งครั้งหน้าจุดที่สำคัญที่สุด ที่ทุกพรรคการเมืองต่างรู้ดีก็คือ ต้องมีจำนวนส.ส.ให้มากที่สุด เพราะจำนวน ส.ส. นั้นหมายถึงโอกาส โอกาสที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เป็นโอกาส ที่จะถูกเลือกให้ร่วมรัฐบาล เป็นโอกาสของพรรคการเมืองสำหรับการต่อรองเก้าอี้ รัฐมนตรี หากถูกดึงเข้าร่วมรัฐบาล ฯ
ปรากฎการณ์แย่งตัวผู้สมัคร ส.ส. การเสนอราคาค่าตัวส.ส.จึงเกิดขึ้นอย่างที่สังคมรับทราบ การปั่นราคาค่าตัวจึงพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเฉพาะบางพรรคการเมือง ที่วาดหวังจะปั้นนายกรัฐมนตรีเป็นของตัวเอง สำคัญตัวเองว่าจะต้องเข้าเป็นพรรคร่วมรัฐบาลไม่ว่าขั้วใหนจะขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็ตาม จึงยอมทุ่มเงินดูดว่าที่ผู้สมัครที่คิดว่าเป็นกลุ่มเกรดเอ เป็นกลุ่มบ้านใหญ่ เข้ามาในสังกัดให้ได้
คำถามที่ตามมาก็คือ หากบรรดาพรรคการเมืองเหล่านี้เข้ามาเป็นรัฐบาล การเมืองไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ? เมื่อพรรคการเมืองลงทุนด้วยเงินจำนวนมหาศาล เมื่อเข้ามาบริหารบ้านเมืองเขาจะมาถอนทุนคืนหรือไม่ เรายังจะเห็นความไม่ชอบมาพากลในการจัดทำโครงการต่างๆอีกมากมายใช่หรือไม่ เรายังเห็นการประมูลโครงการรัฐที่มีส่วนต่างอย่างไม่น่าจะเกิดขึ้น ทำให้รัฐสูญเสียงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนอีกใช่หรือไม่
ถึงวันนี้ ประชาชน ยังจะคงฐานะผู้มีอำนาจเพียงสามนาที ทำหน้าที่เพียงกาบัตรลงคะแนน แล้วหลังจากนั้นก็ถูกรวบอำนาจไปไว้กับบรรดาผู้ทรงเกียรติ แล้วถูกลืมมองไม่เห็นหัวเช่นเดิมหรือไม่ ถึงเวลาที่ประชาชนเจ้าของอำนาจจะต้องเสนอข้อเรียกร้องในเชิงการเปลี่ยนแปลง หรือทำให้เกิดการปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริง สามารถตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจรัฐ สามารถกำกับการทำงานของผู้อาสาเป็นตัวแทนการใช้อำนาจแทนอีกครั้งแล้วหรือยัง ...