เรื่องของพ่อ (ภาคต่อ) กับอัสดง “นิติทัณฑ์ประภาศ”

     

          ทันที! ที่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ลงมติคำวินิจฉัยกลาง 8 ต่อ 7 เสียง ให้ ทักษิณ ชินวัตร พ้นผิดในคดีซุกหุ้น เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ปี 2544 คำวินิจฉัยเสียงข้างมากระบุว่าไม่มีการเจตนาปกปิดหรือยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ ไม่ได้กระทำการปกปิดตามมาตรา 295 ของรัฐธรรมนูญ

          นั่นคือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ทั้งต่อตัวทักษิณ และจุดผกผันครั้งใหญ่ของการเมืองไทยมาตราบทุกวันนี้...

          ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 8 คน ประกอบด้วย นายกระมล ทองธรรมชาติ, นายอนันต์ เกตุวงศ์ ,พล.ท จุล อติเรก, นายปรีชา เฉลิมวณิชย์, นายผัน จันทรปาน, นายศักดิ์ เตชาชาญ, นายจุมพล ณ สงขลา และนายสุจินดา ยงสุนทร

          ทักษิณ ชี้แจงว่าการให้คนอื่นถือหุ้นแทน เป็นไปตามหลักของธุรกิจเป็นเรื่องปกติ ส่วนปัญหาที่เกี่ยวกับกฎหมายนั้นก็เป็นเรื่องของแบบฟอร์มการแจ้งทรัพย์สิน เป็นที่มาของวลีอื้อฉาว บกพร่องโดยสุจริต!

          เมื่อมีเสียงข้างมากก็ต้องมีเสียงข้างน้อย ตุลาการ 7 คน ประกอบด้วย นายประเสริฐ นาสกุล, นายอมร รักษาสัตย์, นายสุจิต บุญบงการ, นายมงคล สระฏัน, นายสุวิทย์ ธีรพงษ์, นายอุระ หวังอ้อมกลาง และนายอิสสระ นิติทัณฑ์ประภาศ!?

          ระบุว่า ทักษิณ จงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สิน!?...

          ในสังคมอุปถัมภ์ เรื่องบุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ ปรัชญาโลกตะวันออก โดยเฉพาะประเทศไทย ยิ่งนักการเมืองใหญ่ ยิ่งชัด เป็นที่มาของโผโยกย้ายผู้บริหารกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา

          สำหรับรายชื่อ 9 ผู้บริหารกระทรวงการคลัง ในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ ประกอบด้วย 1.นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต ไปเป็น อธิบดีกรมธนารักษ์ 2.นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร ไปเป็น อธิบดีกรมสรรพสามิต 3.นายปิ่นสาย สุรัสวดี รองปลัดกระทรวง ไปเป็น อธิบดีกรมสรรพากร

          4.นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาฐานภาษี ไปเป็น รองปลัดกระทรวง 5. นางสาวศุกร์ศิริ อภิญญานุวัฒน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็น รองปลัด 6. นางสาวพิมพ์เพ็ญ ลัดพลี ที่ปรึกษาด้านนโยบายฯ เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวง 7.นายธีรลักษ์ แสงสนิท ผู้ตราจราชการกระทรวง เป็น รองปลัดกระทรวง 8.นายอรรถพล อรรถวรเดช ที่ปรึกษาการคลัง เป็น ผู้ตรวจราชการ และ 9.นางสาวชุติมา ศรีปราชญ์ ที่ปรึกษาด้านการบริหารเหรียญกษาปณ์ฯ ไปเป็น ผู้ตรวจฯ

          มีทั้งได้รับการโปรโมทและลดชั้น ไฮไลท์อยู่ที่ ม้ามืด ที่ชื่อ ปิ่นสาย สุรัสวดี จากรองปลัด ขึ้นเป็นอธิบดีกรมสรรพกร เปรียบเสมือนการปูนบำเหน็จให้คุณพ่อ  ปลอดประสพ สุรัสวดี คนของพรรคเพื่อไทย อาณาจักรกระทรวงการคลังวันนี้ จึงเป็นขาขึ้นของตระกูลสุรัสวดี

          แน่นอน สวนทางกับตระกูลนิติทัณฑ์ประภาศ ที่อัสดงกำลังมาเยือน เพราะการโยกย้ายครั้งนี้ถือเป็นการลดชั้น เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ จากอธิบดีกรมสรรพสามิต ไปเป็นอธิบดีกรมธนารักษ์

          เป็น เอกนิติ คนเดียวกับ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ลูกชายคนเดียวของ “อิสสระ-ผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ” และเป็น อิสสระ คนเดียวกับ อิสสระ นิติทัณฑ์ประภาศ ตุลาการเสียงข้างน้อย ในคดีซุกหุ้น!!...

          เอกนิติ วัย 53 ขวบในปีนี้ จบการศึกษาเศรษฐศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตจาก Claremont Graduate University สหรัฐอเมริกา ด้วยทุนรัฐบาลไทย ก.พ. เศรษฐศาสตร์มหาบัณฑิตจาก University of Illinois at Urbana-Champaign สหรัฐอเมริกา ด้วยทุนรัฐบาลไทย ก.พ. ส่วนปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์ (เกียรตินิยม) จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยทุนของสมาคมธรรมศาสตร์

          ผ่านการเป็นอัครราชทูตฝ่ายเศรษฐกิจการคลัง ประจำสหราชอาณาจักรและยุโรป  Senior Advisor ของธนาคารโลก ณ กรุงวอชิงตันดีซี เคยผ่านงานฟากเอกชนด้วยการเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์บริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ ยังไม่นับอีกหลายรางวัล อาทิ นักเศรษฐศาสตร์ดาวรุ่งแห่งปี 2552

          ในวันที่เข้าทำงานที่กระทรวงการคลัง เอกนิติ ฉายแววความหวัง เป็นอนาคต ของกระทรวงวายุภักษ์ ผ่านงานโฆษกกระทรวงการคลัง รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทั่งอธิบดีกรมสรรพรกรและอธิบดีกรมสรรพสามิต

          ปฏิเสธไม่ได้ว่า เอกนิติ คือตัวเต็งเก้าอี้ปลัดคลัง หลังจาก ลวรณ แสงสนิท เกษียณอายุราชการ ในอีก 3 ปีข้างหน้า!!...

          เส้นทางข้าราชการของ เอกนิติ จากนี้ไป หากนับเวลายังเหลือ 7 ปี เอกนิติ ยังจะเจอการโยกย้ายอีก นับเป็นความท้าทายในการฝ่าอำนาจฝ่ายการเมือง ทว่าการยึดโยงเอาเรื่องราวในอดีต หรือดูกันที่นามสกุล ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เป็นตัวชี้วัดแทนความรู้ความสามารถ เชื่อว่าทางเดินชีวิตข้าราชการของ เอกนิติ ในวันข้างหน้า ช่างน่าสะพรึง ยิ่ง ฟันธง!!!...

แมน ซิตี้ไดมอนด์