ทำธุรกิจ SME ต้องมีตัวช่วยด้านบัญชีภาษีอะไรบ้าง

ในการทำธุรกิจ SME หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญคือการจัดการด้านบัญชีและภาษีอย่างถูกต้องครบถ้วน และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งการบริหารจัดการด้านบัญชีภาษีไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่นเท่านั้น แต่ยังป้องกันปัญหาทางกฎหมายและการเสียค่าปรับจากข้อผิดพลาดในการทำบัญชีภาษีที่อาจเกิดขึ้นได้

ด้วยเหตุนี้การมีตัวช่วยจัดการบัญชีและภาษีไม่เพียงช่วยลดความซับซ้อน แต่ยังช่วยให้การจัดการธุรกิจเป็นไปอย่างโปร่งใสอีกด้วย ซึ่งตัวช่วยสำคัญที่ผู้ประกอบการ SME ควรมี ประกอบด้วยอะไรบ้างนั้น ลองมาติดตามอ่านได้จากบทความต่อไปนี้

1. ตัวช่วยด้านซอฟต์แวร์บัญชีและภาษี

ซอฟต์แวร์บัญชีที่ดีเป็นเครื่องมือพื้นฐานสำหรับธุรกิจ SME ช่วยในการบันทึกบัญชีและจัดการภาษีให้ถูกต้องและแม่นยำ ตัวอย่างซอฟต์แวร์ที่นิยมใช้ได้แก่

          - QuickBooks เป็นซอฟต์แวร์บัญชีที่ใช้งานง่าย ช่วยจัดการรายรับ รายจ่าย การออกใบกำกับภาษี และการสร้างรายงานการเงินอย่างครบถ้วน นอกจากนี้ QuickBooks ยังมีฟังก์ชันการคำนวณภาษีแบบอัตโนมัติที่ช่วยให้การยื่นภาษีเป็นไปอย่างแม่นยำและง่ายดายอีกด้วย

          - Xero เป็นซอฟต์แวร์บัญชีแบบคลาวด์ที่เชื่อมต่อกับบัญชีธนาคารเพื่อบันทึกการเคลื่อนไหวทางการเงินแบบอัตโนมัติ Xero ซึ่งช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถติดตามสถานะทางการเงินและจัดทำรายงานภาษีได้อย่างสะดวกและเรียลไทม์

2. ตัวช่วยนักบัญชีมืออาชีพ

การมีนักบัญชีมืออาชีพเป็นส่วนสำคัญสำหรับธุรกิจ SME โดยเฉพาะในด้านที่ต้องการความละเอียดและความรู้เฉพาะด้าน นักบัญชีสามารถช่วยจัดการสิ่งเหล่านี้ให้ได้คือ

           - นักบัญชีช่วยให้ธุรกิจจัดทำและวิเคราะห์รายงานทางการเงินได้อย่างถูกต้อง ซึ่งช่วยให้เจ้าของธุรกิจทราบสถานะทางการเงินของบริษัทและสามารถตัดสินใจในการลงทุนต่อยอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          - นักบัญชีช่วยให้ธุรกิจปฏิบัติตามข้อกำหนดทางภาษีและกฎหมายบัญชี ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการถูกปรับหรือเสียค่าปรับที่เกี่ยวข้องกับการทำบัญชีผิดพลาดหรือไม่เป็นไปตามข้อบังคับของกรมสรรพากร

          - นักบัญชีช่วยวางแผนภาษีที่ดีได้และช่วยให้ธุรกิจสามารถประหยัดต้นทุนทางภาษี นักบัญชีที่มีความเชี่ยวชาญสามารถช่วยหากลยุทธ์เพื่อลดภาระภาษีให้กับธุรกิจได้

          - นักบัญชีสามารถช่วยติดตามและคาดการณ์กระแสเงินสดเพื่อให้ธุรกิจมีเงินทุนเพียงพอในการดำเนินงาน

3. ตัวช่วยที่ปรึกษาด้านภาษี

ในบางกรณีที่ธุรกิจมีความซับซ้อนในการจัดการภาษี การใช้ที่ปรึกษาด้านภาษีเป็นสิ่งที่ควรพิจารณา โดยที่ปรึกษาภาษีมีหน้าที่

          - ให้คำแนะนำเกี่ยวกับข้อบังคับทางภาษีใหม่ๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อธุรกิจ

          - ตรวจสอบและให้ความมั่นใจว่าการยื่นภาษีทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมาย

          - ช่วยจัดการกับสถานการณ์ที่ซับซ้อน เช่น การยื่นภาษีย้อนหลัง การขอคืนภาษี หรือการตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐ

4. ตัวช่วยด้านระบบการจัดการเอกสารดิจิทัล

การเก็บรักษาเอกสารสำคัญทางการเงินในรูปแบบดิจิทัลช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการสูญหายหรือการทำลายของเอกสาร และระบบการจัดการเอกสารช่วยให้ธุรกิจทำงานง่ายขึ้นคือ

          - จัดเก็บและค้นหาเอกสารได้อย่างรวดเร็ว

          - ลดพื้นที่ในการจัดเก็บเอกสารที่เป็นกระดาษ

          - เพิ่มความปลอดภัยและความเป็นระเบียบในการจัดการเอกสาร

ทั้งนี้แพลตฟอร์มที่นิยมใช้ในการจัดเก็บเอกสาร เช่น Google Drive Dropbox หรือ OneDrive แพลตฟอร์มเหล่านี้จะมีฟีเจอร์การจัดการเอกสารที่สามารถแบ่งปันและเก็บรักษาได้อย่างปลอดภัย ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการทำงานมากยิ่งขึ้น

5. ตัวช่วยด้านแอปพลิเคชันช่วยยื่นภาษีออนไลน์

เป็นที่ทราบกันดีว่าหน่วยงานภาครัฐมีแอปพลิเคชันหรือระบบออนไลน์ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการ SME ยื่นภาษีได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยแอปเหล่านี้มักมีฟีเจอร์ช่วยคำนวณภาษีและกรอกข้อมูลได้โดยอัตโนมัติ ทำให้ลดความผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลและคำนวณภาษีได้

6. ตัวช่วยด้านการฝึกอบรมด้านบัญชีและภาษี

การพัฒนาทักษะด้านบัญชีและภาษีเป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจควรให้ความสำคัญ การเข้ารับการฝึกอบรมช่วยให้พนักงานมีความเข้าใจในด้านนี้มากขึ้น ทำให้สามารถติดตามการทำงานของนักบัญชีและที่ปรึกษาภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยให้เจ้าของธุรกิจรู้จักการจัดการบัญชีขั้นพื้นฐาน และเข้าใจภาษีที่ธุรกิจต้องรับผิดชอบอีกด้วย

กล่าวโดยสรุป การดำเนินธุรกิจ SME จำเป็นต้องมีตัวช่วยด้านบัญชีและภาษีที่มีประสิทธิภาพเพื่อช่วยจัดการการเงิน ลดภาระภาษี และทำให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างถูกต้อง ด้วยเหตุนี้การใช้ซอฟต์แวร์บัญชี การมีนักบัญชีที่ปรึกษาภาษี การใช้แอปพลิเคชันยื่นภาษี และการฝึกอบรมทักษะด้านบัญชีล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่  Inflow Accounting