posttoday

เพราะโลภ และไม่รู้

22 มกราคม 2559

โดย สาธิต บวรสันติสุทธิ์, CFP

โดย สาธิต บวรสันติสุทธิ์, CFP

หลายปีก่อนเพื่อนผมคนหนึ่งขณะที่เดินเล่นอยู่แถวสุขุมวิท ปรากฏว่าได้มีวินมอเตอร์ไซค์คนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับยื่นนาฬิกา Rolex ให้เรือนนึง พร้อมบอกว่า

“พี่ครับ นาฬิกาเรือนนี้ผมเก็บได้ เจ้าของขับรถเบนซ์ ผมไม่รู้เป็นนาฬิกาอะไร พี่เอามั้ย ถ้าเอาผมขอ 6,000 สำหรับเป็นค่าเช่าบ้านก็พอครับ” เพื่อนผมเล่ามา เขาเห็นยี่ห้อนาฬิกาว่าเป็น Rolex แม้ไม่รู้ว่าราคาเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยน่าจะหลักหมื่น ก็เลยต่อรองกับวินมอเตอร์ไซค์คนนั้น สรุปจบลงที่ 3,500 บาท

เพื่อนบอกว่า “ตอนนั้นดีใจมาก เพราะอยากได้นาฬิกา Rolex มานานแล้ว ไม่คิดว่าจะโชคดีปีใหม่ได้มาในราคาถูกอย่างเหลือเชื่อ แต่ขณะนั้นก็คิดในใจเหมือนกันว่า จะเป็นนาฬิกาเก๊รึเปล่า?”

เพื่อนๆ คงเดากันออกนะครับ ว่าสรุปสุดท้ายแล้ว นาฬิกา Rolex เรือนนั้นแท้หรือเก๊? ถูกต้องแล้วครับ นาฬิกา Rolex เรือนนั้นเก๊ครับ ราคาที่ขายกันอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาทเท่านั้น

เพื่อนผมคนนี้ยอมรับเลยที่พลาดให้กับแก๊งตก Rolex ในครั้งนี้ ทั้งๆ ที่น่าจะฉุกคิดว่าเหมือนแก๊งตกทองในอดีต หรืออย่างน้อยก็น่าจะฉุกคิดได้นะว่า วินมอเตอร์ไซค์รู้ได้ไงว่าเจ้าของขับรถเบนซ์ แต่ก็เพราะความโลภและความไม่รู้นั่นเองเลยทำให้มองข้ามประเด็นสำคัญเหล่านี้ไป

ในชีวิตพวกเราทุกวันนี้ โลกไม่ได้สวยเหมือนอย่างที่เราคิด เต็มไปด้วยการหลอกลวง เอาเปรียบ เพื่อประโยชน์ของตนเอง ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ กรณีดีเจที่ตั้งใจถอยชนรถยาริส คู่กรณีให้เสียหาย แต่กลับให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าถูกรถยาริสคู่กรณีตั้งใจขับชนท้าย แต่ต้องยอมจำนนต่อความจริงที่มีคนถ่ายคลิปไว้ ก็นับว่าเป็นโชคดีของยาริส และเป็นโชคร้ายของดีเจ แต่จะมีเหตุการณ์กี่เปอร์เซ็นต์ที่เราจะสามารถรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนที่จ้องเอาเปรียบกันในสังคมได้ทัน

ตัวอย่างง่ายๆ ที่เราพบบ่อยในตลาดการลงทุน ก็เช่น บทวิเคราะห์ หรือข่าวในสื่อต่างๆ ว่าหุ้นตัวนั้นมี Story มีโครงการใหม่ที่จะสร้างรายได้เพิ่มอีกหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ หรืออย่างที่มีข่าวในช่วงวันหยุดว่าเปิดพอร์ตหุ้นนักลงทุน VI รายใหญ่ของเมืองไทย ฯลฯ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าข่าวจริงหรือไม่
 
ดังนั้น ด้วยความโลภและความไม่รู้ หลายคนก็อาจรีบเข้าไปลงทุนในหุ้นที่มีข่าวนั้นๆ ทันทีโดยไม่เฉลียวใจเลยว่ากว่าข่าวจะออกมาเผยแพร่ถึงชาวบ้านทั่วไป หรืออย่างวันนี้เอง ผมก็เพิ่งได้ข่าวผ่านทาง facebook ว่า Warren Buffet แอบเก็บหุ้นพลังงาน เลยงงว่า ขนาดเราอยู่เมืองไทยไม่ได้เล่นหุ้นอย่างจริงจังอย่างนี้ยังได้รู้ข้อมูลนี้เลย (แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าแอบเก็บได้ไง สงสัยๆ) ก็เลยชักสงสัยว่าจะเป็นข่าวที่คนให้ข่าวเพื่ออยากจะปล่อยหุ้นกลุ่มพลังงานที่ยังติดอยู่หรือไม่

หากเรามาดูกันจริงๆ ที่เรามักตกเป็นเหยื่อของพวกปั่นหุ้นให้เราต้องซื้อแพงขายถูกจนเจ็บตัวกันมากมาย ก็ไม่ต่างจากเพื่อนผมที่เป็นเหยื่อแก๊งตก Rolex เหมือนกัน ก็คือ เราเป็นเหยื่อ เพราะเราโลภและไม่รู้นั่นเอง

อย่างที่ ก.ล.ต.เองก็คอยเตือนเสมอ “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน” จนตอนนี้เราสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นที่เราจะลงทุนได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นงบการเงิน บทวิเคราะห์ หรือการได้เข้าพบผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจดทะเบียนโดยตรงใน Opportunity Day
  
แต่การมีข้อมูลที่เยอะก็ใช่ว่าจะได้ประโยชน์ หากเราไม่มีความรู้ เพราะเราไม่รู้ว่าเราไม่รู้อะไร และที่เรารู้จะเอาไปใช้ประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหน ตลาดหลักทรัพย์เองซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการลงทุนในหุ้นก็เป็นห่วงในเรื่องนี้เช่นกัน TSI (Thailand Securities Institute) หรือศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ตลาดทุน บริษัทในเครือตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ถือกำเนิดโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้การลงทุนที่ถูกต้องกับประชาชนเพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวเองสำหรับการลงทุนในตลาด

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เราก็มักเห็นคนที่มีความรู้ด้านการเงิน การลงทุนเก่งๆ หลายคนขาดทุนในตลาด แม้ว่าจะลงทุนอย่างมีวินัยตามทฤษฎีที่ร่ำเรียนมา แต่ก็อย่างว่าแหละครับ การลงทุนเป็นเรื่องของอนาคต บริษัทที่ดีไม่จำเป็นต้องเป็นหุ้นที่ดีก็ได้ แต่นั่นเป็นส่วนน้อย

แต่สาเหตุที่หลายคนไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุนกลับเป็นเรื่องของอารมณ์ ความโลภ กับความกลัวนั่นเอง หลายคนอาจแย้งว่าถ้าไม่โลภก็คงไม่เข้ามาเล่นหุ้น ถูกครับ แต่หากเราโลภโดยไม่มีสติที่จะเอาความรู้ที่มีมาประกอบการตัดสินใจ เราก็จะเป็นเหยื่อของคนอื่นได้ง่าย หลายคนอาจแย้งอีกว่ากว่าจะหาข้อมูลมาตรวจสอบก็คงตกรถไฟซื้อหุ้นไม่ทัน สำหรับผม ผมไม่กลัวตกรถไฟครับ เพราะเงินยังอยู่กับเรา อย่างน้อยไม่ขาดทุน แต่หากเราขึ้นรถไฟผิดขบวน เราจะเสียทั้งเงินทั้งเวลาครับ