posttoday

ตรรกะวิบัติทางการเงิน (3)

25 สิงหาคม 2559

โดย สาธิต บวรสันติสุทธิ์,CFP

โดย สาธิต บวรสันติสุทธิ์,CFP

2 – 3 วันที่ผ่านมา โชคดีมากเลยครับ ได้รับเกียรติไปบรรยายเรื่องการวางแผนการเงินให้องค์กรต่างๆ และปัญหาการเงินที่พบโดยมาก ก็เป็นเรื่องหนี้  และหลายๆสาเหตุก็เป็นเรื่อง ตรรกะวิบัติทางการเงินที่ได้เล่าไปแล้ว วันนี้จะมาขอเล่าตรรกะวิบัติทางการเงินที่พบต่อครับ

ไม่ขายไม่ขาดทุน

อันนี้พบมากเลยโดยเฉพาะในกลุ่มที่ลงทุนในกองทุน หรือ เล่นหุ้น ที่ไม่ยอมขายหุ้นที่ลงทุนผิด ทำให้ขาดทุน (ตัวเองก็เคยเป็น ตอนนี้ก็ยังเป็น แต่เป็นน้อยลง) โดยมีความฝันลมๆแล้งๆว่า ราคาตกได้ เดี๋ยวก็ขึ้นได้ ไม่ขายไม่ขาดทุน ซึ่งในความเป็นจริง คือ เราขาดทุนไปแล้วไม่ว่าจะขายหรือไม่ขาย สมมติ เราซื้อหุ้นที่ 100 บาท ราคาตกเหลือ 90 บาท เราขาดทุนแล้ว 10 บาท ไม่ว่าจะขายหรือไม่ขาย หลักการลงทุนที่สำคัญ คือ สร้างผลตอบแทน และรักษาเงินต้น

ดังนั้นที่ถูกเราจึงควรต้องดูว่า การเก็บหุ้นตัวเก่าดี หรือจะขายออกแล้วไปลงทุนในหุ้นตัวใหม่ที่ดีกว่าแทน อย่างไหนจะดีกว่า อย่าทนถือหุ้นตัวเดิมที่พื้นฐานเปลี่ยนไปแล้ว หรือ จริงๆแล้วพื้นฐานไม่เปลี่ยนแต่เป็นเราเองที่ตัดสินใจผิด เพราะหุ้นที่ไม่ดี ราคาในระยะยาวก็จะไม่ดี ราคาอาจดีบ้างในบางเวลาแต่ก็สั้นๆ เพราะอาจมีนักลงทุนบางคนมาปั่นราคาเพื่อล่อพวกแมงเม่าก็ได้ และเมื่อราคาหุ้นลงไปลึกๆ โอกาสที่เราจะรักษาเงินต้นเรายากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น หากราคาหุ้นที่เราทนถึอตกลงไป 50% เช่น จากราคาที่เราซื้อ 100 บาท ตกไปเหลือ 50 บาท ก็หมายความว่าหากเราจะได้เงินต้นเราคืน ราคาหุ้นจะต้องขึ้นจาก 50 บาทกลับมาเป็น 100 บาท เท่ากับเพิ่ม 100% เลยทีเดียว ไม่ง่ายๆ

ของราคาต่ำ = ของถูก

ตัวนี้ก็พบบ่อย เคยถามหลายๆคนถึงปัจจัยที่ใช้ในการเลือกซื้อกองทุน พบว่าหลายคนชอบซื้อกองทุนที่มี NAV ต่ำๆ เพราะถูก เงินเท่ากันแต่ได้หลายหน่วยกว่า ซึ่งเป็นตรรกะที่ผิด เพราะของต่ำไม่ใช่ของราคาถูก การลงทุนที่ถูกต้อง คือ การมองที่ผลตอบแทนที่เราจะได้ในอนาคต นักลงทุนเวลาที่จะพิจารณาว่าหุ้นตัวใดถูกหรือแพง เขาจะเทียบราคาหุ้นกับมูลค่าของหุ้น หากราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าของหุ้น ก็ถือได้ว่า หุ้นราคาถูก ต่อให้ราคาซื้อขายจะอยู่ที่หุ้นละหลายร้อยบาท แต่หากราคาหุ้นสูงกว่ามูลค่าของหุ้น ก็ถือได้ว่า หุ้นนั้นราคาแพง ต่อให้ซื้อขายกันที่ 3 ตัวบาท หรือ 3 ตัวสิบบาทก็ตาม อธิบายให้เห็นภาพชัดๆ ก็ได้

อย่างเช่น ราคาที่ดินแถวๆนอกเมืองจังหวัดลพบุรี มีคนมาเสนอขายให้เราไร่ละ 200,000 บาท แต่ราคาที่ซื้อขายกันอยู่ที่ไร่ละ 150,000 บาท ก็ถือว่าเป็นของแพง แม้จะเป็นของที่ซื้อขายกันในราคาต่ำ  ทำนองเดียวกัน มีคนมาเสนอขายให้ที่แถวสีลมให้เราตารางวาละ 800,000 บาท แต่ราคาที่ซื้อขายกันอยู่ที่ตารางวาละ 1,500,000 บาท ต่อให้ราคาซื้อขายที่แถวสีลมจะสูงกว่าลพบุรีหลายเท่า กรณีนี้การซื้อที่ดินแถวสีลมถึงจะเรียกว่า ซื้อของถูก แม้จะเป็นของที่ซื้อขายกันในราคาสูงก็ตาม

โชคดีจัง ได้ของดีราคาถูก

หลายกรณีที่มีปัญหาการเงินไม่ได้เกิดจากการไม่ออมเงิน แต่เกิดจากการโลภจนไม่มีสติยั้งคิด ซึ่งพวกมิจฉาชีพก็จับจุดตรงนี้ ก็เลยอาศัยความโลภของเรา หลอกเอาเงินเราไป ตัวอย่างก็คือ กรณีที่เป็นข่าวทั้งหลายที่การันตีผลตอบแทนในระดับที่สูงมากโดยไม่มีความเสี่ยงใดๆทั้งสิ้น บางรายการันตีให้มากถึง 6%/เดือน หรือ เท่ากับ 72%/ปี หลายคนเห็นผลตอบแทนมากขนาดนี้ก็ตาลุกตัดสินใจลงทุนทันที เพราะคิดว่าตนเองโชคดีจัง ได้ของดีราคาถูก(คล้ายๆกับการตกทองที่หลายคนคิดว่าตนเองโชคดีจังได้ทองราคาถูก) สิ่งมหัศจรรย์อาจเกิดขึ้นบ่อยที่อื่น แต่ในเรื่องการเงิน พบเห็นน้อยมาก คิดดูง่ายๆ หากมีการลงทุนที่ดีขนาดนี้ ทำไมมันถึงไม่ดังเปรี้ยงปร้างไปเลย และทำไมคนไม่ถอนเงินจากแบงค์มาซื้อกันให้หมด เพราะผลตอบแทนดีกว่าแบงค์มากๆๆๆๆ หรือจะมองว่าเราโชคดีที่รู้จักการลงทุนนี้ก่อนชาวบ้านเขา ก็ต้องถามตนเองมีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เราโชคดี เรารู้จักคนใหญ่คนโต มี connection ที่ดี ฯลฯ หรือเปล่า คิดดูง่ายๆ ครับ ถ้าของมันดีจริง จะมีเหลือมาถึงเรามั๊ย เหมือนๆกับกรณีหุ้นจอง ถ้าหุ้นจองที่มันดีจริงๆ ผมไม่เคยเห็น marketing คนไหนเอามาจัดสรรให้รายย่อยเลย เพราะรายใหญ่เอาไปหมด จะเหลือให้รายย่อยได้หุ้นจองบ้างก็แต่ตัวที่รายใหญ่ไม่สนใจนั่นแหละครับ อยากขอบอกเป็นคาถาเตือนไว้สำหรับกรณีคือ อะไรก็ตามที่เหลือเชื่อ อย่าไปเชื่อ

ท่านที่สนใจบทความทางการเงินที่ผมได้เขียนเองและได้รวบรวมจากแหล่งต่างๆสำหรับเผยแพร่ให้ท่านผู้สนใจทุกท่าน ขอเชิญไปกด Like ได้ที่ page ใน face book ชื่อ Sathit CFP เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสารต่อไปได้ครับ...ขอบคุณครับ