เชฏฐ์ภูชิชย์ เถกิงศักดิ์ เชฟอาหารไทยระดับมือโปร
แม้ความสามารถเป็นเลิศในการสร้างสรรค์เมนูอาหารได้หลากหลายทั้งสไตล์เอเชียและยุโรป
โดย...แมงโก้หวาน ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล
แม้ความสามารถเป็นเลิศในการสร้างสรรค์เมนูอาหารได้หลากหลายทั้งสไตล์เอเชียและยุโรป แต่อาหารไทยคือความภาคภูมิใจของเชฟฮูโต๋ “เชฏฐ์ภูชิชย์ เถกิงศักดิ์” หรือเรียกสั้นๆ ว่า “เชฟโต๋” เพราะทุกครั้งที่ออกสื่อมักจะออกตัวเสมอว่าเขาคือเชฟอาหารไทย และชอบอาหารไทยเพราะอาหารไทยมีสตอรี่ เอกลักษณ์ และเสน่ห์ในตัว
ปัจจุบันเชฟโต๋ทำงานอยู่ในทีมฟู้ดอินโนเวชั่นของบริษัท ซี.พี. ทว่าประสบการณ์การเป็นเชฟนั้นน่าสนใจ เพราะเคยเป็นเชฟโรงแรมและร้านอาหาร ทั้งเป็นคอนซัลต์ในการจัดอีเวนต์ให้กับร้านอาหารไทยต่างๆ เป็นวิทยากรให้ความรู้นักโภชนาการในโรงพยาบาลของรัฐ และรักการเรียนรู้อยู่เสมอ โดยเขาเคยทำอาหารออกรายการทีวี เขียนคอลัมน์ ถ่ายภาพอาหารให้กับสำนักพิมพ์ต่างๆ ขณะที่ประสบการณ์ที่สุดปลื้มในชีวิตคือการได้ทำอาหารถวายสมเด็จพระราชชนนีของกษัตริย์จิกมีแห่งภูฏานด้วยอาหารไทยและได้รับคำชื่นชมว่าอร่อยและโปรดเมนูที่เขาทำ
หากเมื่อย้อนเส้นทางของการเป็นเชฟของเขาก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจในความสามารถที่ว่า เพราะเชฟโต๋ซึมซับการทำอาหารไทยตั้งแต่เด็กจากคุณแม่ พอมาเรียนหนังสือก็เลือกคหกรรมตั้งแต่ ปวช. ปริญญาตรี กระทั่งปริญญาโท
“5-6 ขวบก็เห็นคุณแม่ทำอาหารเพราะที่บ้านเปิดร้านอาหาร ผมก็เอาครก ตะหลิว กระทะมาเล่นคุณแม่เห็นเลยจับมาสอนทำอาหาร เริ่มจากง่ายๆ เช่น หุงข้าว ผัดข้าวผัด ตำกระเทียม หั่นผัก เด็ดพริก ซึมซับมาตั้งแต่เล็กจนโต แต่พอเรียนจบ ม.ต้น จากโรงเรียนสวนกุหลาบ นนทบุรี ทางบ้านเกิดวิกฤตการเงินเนื่องจากร้านอาหารที่ทำอยู่หมดสัญญาลงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ส่งผลต่อการเรียนจนผมไม่อาจเรียนต่อ ม.ปลาย ที่เดิมได้ แต่อาจารย์ไม่อยากให้ทิ้งการเรียน จึงแนะนำให้ผมทำงานและเรียนไปด้วยที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา
ผมเลือกเรียนคหกรรมต่อเนื่อง ปวส.และทำงานไปด้วยในโรงแรมที่คอนแท็กต์กับวิทยาลัยโดยเป็นแคชชวล (พนักงานรายวัน) ทำทุกอย่างตั้งแต่ปูโต๊ะ เช็ดโต๊ะ ขัดห้องน้ำ ปูเตียง จบแล้วต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตโชติเวช (ปัจจุบันไม่มีวิทยาเขตแล้ว) ก็ยังทำงานไปด้วย บางวันก็มีงานซ้อนสองงานเลิกตีสองตีสาม เช้าก็ไปเรียนแต่ก็รู้สึกสนุกเพราะได้เงินด้วย” เชฟโต๋ เล่าความหลัง
หลังจากที่ทำงานและเรียนไปด้วย วันหนึ่งก็มีโอกาสได้ไปสัมผัสงานในโรงแรมแห่งหนึ่งเป็นแคชชวลเหมือนเดิมในงานครัว ซึ่งเขารู้สึกว่าได้ทำอะไรที่เป็นตัวตน ไม่ต้องเรียนรู้อะไรมากเพราะรู้อยู่แล้ว หัวหน้าเชฟให้ทำอะไรก็ทำทันทีทางโรงแรมเห็นแววจึงดึงมาช่วยครัว เรื่อยจนกระทั่งเรียนจบปริญญาตรีจึงหันไปลุยงานอย่างเดียว
“จบตรีพักเรียน 1 ปี ลุยงานอย่างเดียว ทำงานเต็มตัวทั้งในส่วนของรายการทีวี เขียนหนังสือ ถ่ายภาพอาหารให้กับสำนักพิมพ์ต่างๆ ที่คอนแท็กต์มา พอครบ 1 ปี ก็เรียนโทด้านโภชนาการที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ตอนนี้อยู่ช่วงทำวิทยานิพนธ์) ทำงานโรงแรมบ้างเป็นวิทยากรในโรงพยาบาลบ้าง ก่อนจะเป็นเชฟเต็มตัวที่โรงแรมหัวช้าง เฮอริเทจ และเป็นชูส์เชฟที่ร้านอาหารผักบุ้ง แถวทองหล่อ รวมประมาณ 5 ปี ก่อนจะย้ายมาอยู่ ซี.พี. ในปัจจุบัน”
พูดถึงอาหารที่ถนัด เชฟโต๋ บอกว่า ศึกษาการประกอบอาหารมาทั้งอาหารเอเชีย ยุโรป แต่ความชอบส่วนตัวคืออาหารไทยเพราะอาหารไทยมีเรื่องราว เอกลักษณ์ วัฒนธรรมและมีเสน่ห์ในตัว และอาหารจานหนึ่งไม่ได้บ่งบอกแค่รสชาติความอร่อยและหน้าตาน่ากินเท่านั้น แต่ยังบอกเรื่องราวอาหารและแหล่งที่มาของวัตถุดิบอีกด้วย
ที่สำคัญเขาใส่ใจในการทำอาหารไทยมากและหากใครที่เคยชิมฝีมือแล้วจะติดใจ ซึ่งไม่เพียงอาหารอร่อยเท่านั้นแต่เขาสามารถถ่ายทอดความรู้อาหารจานนั้นๆ ให้คนกินได้ยินแล้วทึ่ง และด้วยคุณสมบัตินี้พระสหายคนไทยของพระราชมารดาของกษัตริย์จิกมีจึงพรรณนาฝีมือการทำอาหารของเขาให้ทรงทราบจนวันหนึ่งพระองค์เสด็จเมืองไทย เพื่อมาเสวยอาหารฝีมือเขาตอนที่เขาเป็นเชฟที่ร้านผักบุ้ง ทองหล่อ ในปี 2557
ตอนนี้เขากำลังเปิด Thai Cooking Private Class มีแกะสลักผักผลไม้ อาหารไทย ขนมไทย ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานเป็นต้นไป ส่วนรายละเอียดติดตามได้ทาง Facebook : เชฏฐ์ภูชิชย์ เถกิงศักดิ์ Instagram : Chetphuchit Thakoengsak ขณะที่เวลาว่างจากงานเขามักจะไปร้านอิงสยาม by พุทธพงษ์ แถวพระราม 5 ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยของเพื่อนรุ่นพี่ที่เขาอยากให้ทุกคนไปลองชิม
น้ำพริกลงเรือ
ส่วนผสม
กระเทียมไทยปอกเปลือก 1 ช้อนโต๊ะ
กะปิแท้ (เผาจนหอม) 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ
เนื้อมะอึกหั่นบาง 2 ลูก
พริกขี้หนูสวน 10-20 เม็ด
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช สำหรับผัด
กุ้งแห้งโขลกละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
หมูหวาน (เครื่องเคียง)
ปลาดุกฟู (เครื่องเคียง)
ไข่เค็มต้ม หรือไข่ต้ม (เครื่องเคียง)
ผักสดตามชอบ (เครื่องเคียง)
วิธีทำ
1.โขลกกระเทียมกับกะปิและน้ำตาลมะพร้าวจนละเอียดเข้ากันดี ใส่เนื้อมะอึกและพริกขี้หนูโขลกผสมจนเข้ากันอีกครั้ง ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว คนผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ เตรียมไว้
2.ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางพอร้อน ใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงผัดจนหอม ใส่หมูหวาน และกุ้งแห้งลงผัดจนเข้ากัน ตักใส่ถ้วย รับประทานคู่กับหมูหวาน ปลาดุกฟูกรอบ และไข่เค็ม