โอมิครอน ลามเศรษฐกิจรัฐบาลประยุทธ์ เสี่ยง "แพงจนพัง"
โควิดโอมิครอนร้ายกว่าที่คาด ลามไม่หยุด ส่อทำเศรษฐกิจไทยทรุดต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 (ศบค.) รายงานผู้ติดเชื้อโควิดรายวันล่าสุด (20 ก.พ.2565) มีจำนวน 18,953 ราย เสียชีวิต 30 ราย หายป่วยกลับบ้าน 13,962 ราย เหลือผู้ป่วยกำลังรักษา 162,460 ราย
ตัวเลขวันเดียวสะท้อนให้เห็นว่า การติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นไม่หยุด คนเสียชีวิตเริ่มเพิ่มมากขึ้น คนหายป่วยเริ่มน้อยกว่าคนติดเชื้อ ทำให้ผู้ป่วยสะสมเพิ่มมากขึ้น
ภาวะดังกล่าวไม่ส่งผลดีกับเศรษฐกิจของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ รัฐบาลบิ๊กตู่ อย่างแน่นอน เพราะทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นทั้งภายในและภายในนอกประเทศ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ที่รัฐบาลหวังจะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้
ในสถานการณ์ที่การติดเชื้อมากขึ้นขนาดนี้ การกระตุ้นไทยเที่ยวไทยก็ลำบาก การเปิดประเทศก็ไม่ง่าย ทั้งคนในและคนนอกไม่อยากเที่ยวไทยเพราะกลัวติดเชื้อโควิด เพราะถึงติดไม่ตาย แต่ก็ไม่มีใครอยากติดอยู่ดี
ยิ่งหมอบางคนออกมาส่งสัญญาณว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศไทยอยู่ในช่วงขาขึ้น ยอดสูงสุดจะเป็นเท่าไหร่ยังตอบไม่ได้ แต่อาจจะถึง 3-5 หมื่น หรือมากกว่าก็ได้ เพราะขณะนี้เห็นชัดก็คือถ้ารวมผู้ป่วยตรวจยืนยัน RT PCR กับ ATK ก็น่าจะเกิน 25,000 แล้ว ยิ่งทำให้ไม่มีใครอยากออกไปเที่ยวชิวๆ ให้ติดโควิดแล้วต้องเสียงานเสียรายได้
ยังไม่รวมกับที่รัฐบาลส่งสัญญาณจะถอนโรคโควิด ออกจากโรคฉุกเฉิน ทำให้การรักษาฟรีต้องไปใช้ตามสิทธิที่มี ยิ่งทำให้คนไม่มั่นใจเพิ่มมากขึ้นไปอีกจนโฆษกรัฐบาลต้องออกมามาพูดแทนบิ๊กตู่ว่า รัฐบาลยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉิน คือยังเข้าโรงพยาบาลไหน ยังเบิกรักษาฟรีได้
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของโอมิครอนตอนนี้ เหมือนรัฐบาลเอาไม่อยู่ เพราะต้องรัฐาลบริหารแบบ การควบคุมการติดเชื้อ ควบคู่ไปกับการผ่อนคลายเศรษฐกิจให้เดินไปได้คู่กันให้ได้ ตั้งแต่ปลายปี 2564 ที่ผ่านมา แม้เริ่มมีการระบาดของโอมิครอน รัฐบาลก็ยังให้เคาท์ดาวน์กินเหล้าข้ามปี เพราะไม่ต้องการให้เศรษฐกิจหยุดชะงักเหมือนปี 2563
ส่งผลให้เดือน ม.ค. 2565 ผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นจากวันละไม่กี่พันคน มาเป็นวันละ 6-8 พันคน ซึ่งรัฐบาลยังคิดว่าจะประคองสมดุลนี้ไปได้ แต่มาในเดือน ก.พ. ยอดผู้ติดเชื้อก็ทะลุหมื่นคน และกำลังทะลุ 2 หมื่นคนเต็มที
ในแง่เศรษฐกิจ เกิดคำถามว่า การติดเชื้อสูงสุดจะมากแค่ไหน นานแค่ไหน และการติดเชื้อมากๆ เช่น นี้ รัฐบาลยังจะยืนหลักการเดิมรักษาสมดุล การคุมโควิดไปพร้อมๆ กับการผ่อนคลายเศรษฐกิจเหมือนที่เป็นอยู่ได้หรือหรือไม่
วิจัย กรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ออกบทวิเคราะห์ล่าสุดว่า ช่วงสัปดาห์ที่แล้วที่ผู้ติดเชื้อมีการเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เคยคาดไว้ ผลการประมาณล่าสุดชี้ว่า จุดสูงสุดของจำนวนผู้ติดเชื้อจะ 'เลื่อนออกไป' จากกลางเดือนไปเป็นปลายเดือนก.พ.แทน โดยมีผู้ติดเชื้อสูงสุดประมาณ 17,000 คนต่อวัน จากที่คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อสูงสุดกลางเดือน ก.พ.นี้
ก่อนหน้านนี้ วิจัย กรุงศรี คาดว่า ผลกระทบที่จะมีกับเศรษฐกิจไทยมี 3 กรณี ได้แก่
กรณีฐาน ผู้ติดเชื้อสูงสุดกลางเดือน ก.พ. จำนวน 1.1 หมื่นคน จะทำให้จีดีพีลดลง 0.6%
กรณีเลวร้าย ผู้ติดเชื้อสูงสุดกลางเดือน ก.พ. จำนวน 1.6 หมื่นคน จะทำให้จีดีพีลดลง 1.4%
กรณีเลวร้ายสุด ผู้ติดเชื้อสูงสุดกลางเดือน ก.พ. จำนวน 3.2 หมื่นคน จะทำให้จีดีพีลดลง 3.0%
จากการประเมินของวิจัย กรุงศรี ทำให้น่าคิดว่า เศรษฐกิจที่รัฐบาลคาดว่าปีนี้จะโตได้ 4% เมื่อเจอการระบาดของโอมิครอนที่ยังหาจุดสูงสุด และระยะเวลาการระบาดที่กินเวลานานขนาดไหนไม่ได้ เอาเข้าจริงเศรษฐกิจปีเสือดุเสือดำนี้จะเหลือโตเท่าไร
ไทยเจอพิษโควิดมาตั้งแต่ปี 2563 เศรษฐกิจขยาดตัวติดลบ 6.8% ในปี 2564 ก็คาดว่าจะฟื้นสดใสได้ 3-4% แต่มาเจอพิษโควิดพันธุ์เดลตา คาดว่าจะโตได้จริงประมาณ 1% เท่านั้น และเศรษฐกิจปี 2565 เจอโควิดพันธุ์โอมิครอนง่อมลงเรื่อยๆ อย่างนี้ เศรษฐกิจที่จะโตได้ 4% เป็นเรื่องหวังได้ยาก
การส่งสัญญาณผิดๆ ของรัฐบาลก็เป็นปัญหาทำร้ายเศรษฐกิจ ว่าการติดเชื้อโควิดเยอะ แต่เสียชีวิตน้อยไม่น่าเป็นห่วง ไม่ส่งผลกระทบเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ไม่สะท้อนความเป็นจริง
ทั้งนี้ หากการติดเชื้อวันละ 2 หมื่นคน สัปดาห์หนึ่งแสนกว่าคน แต่คนเสียชีวิตน้อยจริงหลักร้อยคน ก็เกิดคำถามว่าติดเยอะขนาดนี้เศรษฐกิจรับไหวไหม สาธารณสุขไทยรับไหวไหม ซึ่งหลายฝ่ายเริ่มหวั่นใจว่าจะเอาไม่อยู่ทั้งเศรษฐกิจและสาธารสุข จนเป็นวิกฤตโควิดและเศรษฐกิจของไทยรอบใหม่
ตอนนี้ดูเหมือนรัฐบาลบิ๊กตู่ประเมิน การระบาดของโอมิครอนต่ำเกินความเป็นจริง โดนพยายามอ้างผู้เสียชีวิตน้อยมากลบการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นสูง กระจายไปทุกหย่อมหญ้าของประเทศ จนคุมไม่อยู่ตรวจโรคไม่ได้ ตรวจเชิงรุกไม่ไหว
เมื่อเป็นเช่นนี้ โอมิครอน น่าจะเป็นฝันร้ายของเศรษฐกิจไทยที่ปีนี้จะเป็นปีเผาจริง เพราะหากรัฐบาลบิ๊กตู่ยังแก้ปัญหาปล่อยให้ติดไปมากแค่ไหนก็จะไม่มีล็อกดาวน์เศรษฐกิจอีกแล้ว เห็นที่ต้องลุ้นกันหลายวันรอบใหม่ ว่า การตัดสินใจเช่นนี้ จะทำให้เศรษฐกิจ "แพงจนพัง" ตามวาทะกรรมทางการเมืองที่รัฐบาลบิ๊กตู่ถูกอภิปรายในสภาล่าสุดหรือไม่ เพราะตอนนี้เห็นภาพชัดขึ้นทุกทีว่าเศรษฐกิจไทยจะทรุดจากโควิดต่อเนื่องเป็นที่ 3 ติดต่อกัน