สังหารหมู่6ศพเวียดนาม พยานเผยตำรวจปมหนี้สินกู้ยืมเงิน
เปิดหลักฐาน-รายงานการสืบสวนคดีสังหารหมู่ 6 ศพเวียดนาม โรงแรมชื่อดังย่านราชประสงค์ ผู้เสียชีวิตถูกวางยาพิษ นัดรวมตัวมาเคลียร์ปมหนี้สินที่กู้ยืมเงินจากการทำธุรกิจพบเบาะแสผู้เกี่ยวข้องปริศนาคนที่7ออกไปนอกประเทศแล้ว
พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า จะแถลงความคืบหน้าคดีฆาตกรรม6ศพ ชาวสัญชาติเวียดนามและสัญชาติสหรัฐอเมริกา เหตุเกิดในโรงแรมชื่อดัง ย่านราชประสงค์ ช่วงบ่ายวันนี้ (17ก.ค.67) ขณะที่ศพผู้เสียชีวิตทั้งหมดถูกส่งไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต ที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์จุฬาฯ
ก่อนนี้โลกโซเชียลแพร่ภาพในห้องเกิดเหตุ สอดรับกับรายงานการสืบสวนของตำรวจนครบาลระบุว่า ผู้ก่อเหตุทำให้เสียชีวิต 6 ราย น่าจะอยู่ในกลุ่มผู้ตายและจากตรวจสอบประวัติผู้เสียชีวิตไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งในเวียดนามและในสหรัฐ
เมื่อเวลา01.00น. เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล นำวัตถุพยานและกระเป๋าเดินทางผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย จำนวน 8 ใบ
จากห้องพักของโรงแรมไปที่ สน.ลุมพินี โดยมีพล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สน.ลุมพินี และชุดคณะทำงานสอบสวน ได้เชิญพยาน 5 คนมาสอบปากคำเพิ่มเติมมีเลขานุการเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศและน้องสาวผู้เสียชีวิตใช้เวลาในการสอบปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมง
พล.ต.ต.วิทวัฒน์ กล่าวอีกว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 6 คน เป็นชาย 3 คนและหญิง 3 คน มีเชื้อสายเวียดนาม ถือสัญชาติเวียดนาม 4 คน อีก 2 คนถือสัญชาติอเมริกาทั้งหมดเดินทางจากประเทศเวียดนาม แล้วเข้ามาในไทยด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว แต่ไม่ได้เข้ามาในไทยพร้อมกันขั้นตอนจากนี้คือการเร่งขยายผลหาสาเหตุการเสียชีวิตเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมหรือไม่
มีรายงานล่าสุดโดยชุดสืบสวนตำรวจนครบาล ระบุว่าหลังสอบปากคำพยานให้น้ำหนักว่าเป็นเรื่องการยืมเงินลงทุนธุรกิจบางอย่างแล้วมีความขัดแย้งหรือหักหลังกัน ผู้เสียชีวิต 2 ใน 6 ราย เป็นสามีภรรยากันและก่อนพบเป็นศพ มีการนัดมาคืนเงินกันบางส่วนในห้องพักเกิดเหตุ ในกลุ่มผู้เสียชีวิต มีทั้งผู้กู้ยืม ผู้ให้กู้ยืม และผู้ค้ำประกัน
ก่อนเสียชีวิตมีภาพจากกล้องวงจรปิดว่า ผู้ตายทั้งหมดรวมตัวกันที่ห้องพัก มีการสั่งอาหารมารับประทาน บางคนออกไปเจรจากันนอกห้อง มีช่วงเวลาที่ผู้ก่อเหตุน่าจะลงมือได้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสรุปไทม์ไลน์และโครงเรื่องของเหตุการณ์ทั้งหมด และมีข้อมูลว่าผู้เกี่ยวข้องคนที่ 7เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว